วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

ผิดที่สื่อหรือสาระ

ผิดที่สื่อหรือสาระ โดย กาหลิบ


คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
โดย กาหลิบ

การเข้าล้อมตรวจค้นและจับกุมแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตยไปส่งให้ตำรวจ ซึ่งเป็นฝีมือของการ์ด นปช. แดงทั้งแผ่นดินและเกิดขึ้น
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตั้งสติและพิจารณาอย่างรอบคอบ ขณะนี้แนวร่วมและเครือข่ายของฝ่ายประชาธิปไตยหลายกลุ่ม รู้สึกโกรธเคืองอย่างมาก เพราะรู้สึกไปว่าสาระในแนวทางหลักของ นปช.ฯ กับแนวทางของตนนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คำถามว่าจะร่วมมือกันได้อย่างไรในอนาคตจึงเกิดขึ้น

ดีที่ผู้ถูกจับกุม (โดยการ์ด นปช.ฯ ไม่ใช่โดยตำรวจ) คนหนึ่งเขียนบันทึกเผยแพร่ในเรื่องนี้ไว้โดยละเอียด เล่าให้ฟังหมดว่าเตรียมเอกสารอะไรและอย่างไร ประสานกับหัวหน้าการ์ด นปช.ฯ ในลักษณะไหน และถูกตลบหลังโดยการ์ด ๗ คนใช้กำลังเข้าตรวจค้นและยึดทรัพย์สินของตนอย่างไร

เอกสารที่เตรียมจ่ายแจกจำนวน ๑,๕๐๐ ชุดนี้ มีสาระเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจในเรื่องประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ที่เป็นประเด็นหลักในปัจจุบัน เมื่อถึงพื้นที่รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผู้ที่ขนเอกสารไปก็เตรียมแจก การ์ด นปช.ฯ คนหนึ่งเข้ามาห้ามปรามและเกิดถกเถียงกัน จึงเกิดการนำตัวไป “ขออนุญาต” จากหัวหน้าการ์ด นปช.ฯ ซึ่งก็ได้รับ “อนุญาต” ทีมผู้แจกเอกสารจึงเดินออกมาเพื่อทำภารกิจของตนเองต่อ ปรากฏว่า เดินได้ไม่นานก็ถูกล้อมกรอบโดยการ์ด นปช.ฯ จำนวน ๗ คน กระเป๋าและถุงเอกสารถูกค้น เอกสารถูกยึด และนักกิจกรรมมาตรา ๑๑๒ กลุ่มนี้ก็ถูกบังคับจับตัวไปพบตำรวจแถวร้านอาหารเมธาวลัยเพื่อให้จับกุมตัว แต่สุดท้ายตำรวจก็ไม่จับ เพราะไม่เป็นความผิด

หากเราสรุปจะเรื่องนี้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐโดยตรงไม่เห็นความผิดในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับมาตรา ๑๑๒
แต่ นปช. แดงทั้งแผ่นดินกลับเห็น และแสดงพฤติกรรมหนักหนากว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ เราคงจะเกิดโกรธเคืองกันเป็นการใหญ่ อย่างที่ผู้คนจำนวนมากกำลังรู้สึกอยู่ แต่ตัวผู้ถูกกระทำเองเขียนบันทึกยืนยันว่าใน นปช.ฯ มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการจ่ายแจกเอกสาร และไม่รู้ว่าสุดท้ายการใช้อำนาจกดขี่ราวกับคนของรัฐและระบอบเก่าที่เกิดขึ้นนั้นเกิด​ได้อย่างไร

ด้วยหัวใจที่เป็นธรรม เราก็ควรสงเคราะห์เรื่องนี้ว่าเป็นไปได้ทั้งสองทางคือ สาระในแนวทางของ นปช.ฯ และแนวปฏิวัติไม่ตรงกัน หรือไม่ก็มีปัญหาการสื่อสารระหว่างคนใน นปช.ฯ ด้วยกันจนคนอื่นๆ ต้องลำบากเดือดร้อนไปด้วย แต่เราคงไม่มานั่งวิสัชนากันตรงนี้ว่าทางไหนถูกต้อง

เรากลับขอใช้โอกาสนี้เตือนเพื่อร่วมอุดมการณ์อีกครั้งว่า อย่าดูถูกดูแคลนการยกระดับความคิดและจิตใจของมวลชนเป็นอันขาด ภาวะตาสว่างและแนวทางปฏิวัติจะมากหรือน้อยเพียงใดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากหลักฐานในสนามจริงบอกเราว่าผู้สนับสนุนสายนี้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราที่มั่นคง สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็น “นโยบาย” กำจัดกวาดล้างกันและกันอย่างจงใจ หรือเป็นการ “เอาใจ” ผู้มีอำนาจไทยที่คอยมองอยู่ หรือ “ช่วยรักษาข้อตกลงระหว่างกันเพื่ออิสรภาพชั่วคราว” และแม้จะเป็นการสื่อสารที่ขาดตกพร่องภายในขบวนการก็ตาม สุดท้ายก็จะเกิดผลอย่างเดียวกันคือความร้าวฉาน

เรื่องนี้ผู้นำองค์กรทั้งที่คอยสั่งจากต่างประเทศและกลุ่มยืนรอเวลาพูดของตัวเองอยู่แถวๆ เวทีจะต้องร่วมกันรับผิดชอบโดยไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ในทำนองนี้เกิดขึ้นได้อีก

มวลชนที่ออกมาชุมนุมส่วนใหญ่มาเพราะการจัดการของ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ความดีข้อนี้คงไม่มีใครมาหักล้างได้ ยิ่งแกนนำ “ดารา” กลับมาขึ้นเวทีกันเป็นปึกเป็นปั้น ก็ยิ่งเสริมสีสันอันเร้าใจให้เวทีชนิดที่ค่ายไหนๆ ก็ไม่อาจทาบรัศมีได้ ขอให้แกนนำ นปช.ฯ มีความมั่นใจในตัวเองและไม่ต้องสั่งใครไปทำอะไรเช่นนี้อีก

อย่าให้ความเกรงใจระบอบเก่าล้นทะลักออกมามากนัก เพราะเพียงไปรับหลักการ “ปรองดอง” จากมือของเขา เขาก็มีความสุขพอประมาณแล้ว ไม่ต้องไล่ราวีมวลชนของตนเองเป็นพัลวัน อย่างไรเสียคุณก็ไม่ได้คะแนนรักใคร่เพิ่มเติมจากคนประเภทนี้ เอาเวลาไปห่วงตัวเองเถอะว่า จะถูกตลบหลังจาก “เขา” วันไหนและอย่างไร

มวลชนประชาธิปไตยส่วนใหญ่เขาไม่เลือกว่าเป็น นปช.ฯ แดงสยาม หรือแนวทางใด เขาสดับตรับฟังทุกด้านและเขาก็ใช้ความคิดของตัวเอง ถึงเวลานาทีอันเหมาะสมเขาจึงจะสำแดงท่าทีชัดเจนออกมา
และวันนั้นคือวันที่บ้านเมืองจะเปลี่ยน..

***********************************************
จากเว็บไซต์ http://www.internetfreedom.us/thread-17457.html
***********************************************

ทำเวทีประชาธิปไตยให้กลายเป็นสมัชชาความรู้และทัศนะทางการเมืองให้เต็มสูบ

หยุดสกัดกั้นการแสวงหาแนวคิดและความรู้ของมวลชน

แล้วเราจะเป็นเนื้อเดียวกันเมื่อเวลามาถึง.

http://democracy100percent.blogspot.com/...st_16.html