"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เธอช่างงดงามนัก"
หัวใจทุกดวงของ RED USA ขอเป็นกำลังใจให้เธอ
"จะไม่ให้ทำงานแล้วหรือคะ" เป็นคำพูดกึ่งคำถามที่ออกจากปากของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
เมื่อครั้งถูกนักข่าวรุกไล่ด้วยคำถามที่ต่อเนื่องมาจากการแถลงข่าวของ ปปช. ว่าเธออาจแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จ
ในกรณีการให้กู้เงินจำนวน 30 ล้านบาทแก่ บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด ที่มีนาย อนุสรณ์ อมรฉัตร สามีของเธอเป็นเจ้าของ
มันช่างเป็นคำพูดที่กินใจ
แม้เสียงที่เปล่งออกมา มิได้ตัดพ้อต่อว่าผู้ใด และก็มิได้เจือปนด้วยโทนเสียงสำเนียงแห่งความท้อแท้สิ้นหว้ง
แต่กลับเป็นกระแสเสียงที่สงบปนสติและหนักแน่นด้วยความมุ่งมั่นว่า ภาระกิจของเธอยังไม่เสร็จสิ้น
เสียงที่เปล่งผ่าน แม้แผ่วเบาแต่กลับดังกึกก้องได้ยินกันไปทั้งโลกว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเธอมิได้สั่นคลอน
แต่กลับหนักแน่นดุจหินผา
ในขณะที่ใครต่อใครต่างคาดการณ์และคาดเดากันว่า
โอกาสที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะถูกสอยออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยมีสูงยิ่ง
เพียง ปปช. ชี้ว่าการให้กู้เงินจำนวน 30 ล้านบาทในช่วงปี 2549 ต่อปี 2550 มีมูลว่าเป็นการแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จเท่านั้น
เธอก็จะต้องหลุดออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที
ทั้ง ๆ ที่การทำธุรกรรม การให้กู้ยืมเงินในครั้งนั้นเกิดขึ้นก่อนที่เธอจะก้าวเข้าสู่วิถีทางการเมืองหลายปี
ในฐานะผู้มีชื่ออยู่อันดับ 1ในบัญชีผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ ที่มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเดิมพันเมื่อปี 2554
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เปิดตัวด้วยอาการประหม่า ตื่นเวที แต่สาระที่เธอสื่อถึงคนไทยทั้งประเทศและผู้ที่เฝ้ามองเธออยู่ทั้งโลกในวันนั้น
กลับบาดลึกกินใจ ให้จดจำกันได้จากวันนั้นถึงวันนี้ว่าเธอมา "เพื่อแก้ไข มิใช่แก้แค้น"
เพียง 49วันจากวันเปิดตัวถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นำพาพรรค เพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย
สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้ผู้นำทุกประเทศต้องเหลียวหน้ามามองว่าเธอเป็นใครกันแน่ CHARISMA ของเธอสูงส่งระดับใด
แต่พลพรรคประชาธิปัตย์ผู้พ่ายแพ้การเลือกตั้งแบบหมดรูปทั้ง ๆ ที่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ทั้ง ๆ ที่แก้ไขรัฐธรรมนูญเตรียมการกันไว้ล่วงหน้า เพื่อชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้ง กลับดาหน้าขัดแข้งขัดขา เยาะเย้ยถากถาง ไปพร้อม ๆ กับการประกาศว่ารัฐบาลของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมีอายุไม่เกิน 3 เดือน
6 เดือน ด้วยวลี "มากับน้ำ ไปกับน้ำ "
วลีเด็ดที่ "เคย" เป็นความภาคภูมิใจของ พรรคประชาธิปัตย์ และปรปักษ์ทางการเมืองของ พรรคเพื่อไทย หลังการเลือกตั้ง
ด้วยความมั่นใจว่า "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ไม่น่าจะรอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้นานกว่านั้น
แต่รัฐนาวาที่มี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นกัปตันกลับพานาวาลำนี้ผ่านคลื่นลมและโขดหินมาได้จนจะครบสองปีอยู่รอมร่อ
และก็มิได้ล่มสลายใน 3 เดือน 6 เดือนอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์วาดหวังอยากให้เป็น จึงกลายเป็นความแค้นที่สุมไฟอิจฉาให้เร่าร้อนรุนแรง
วันเวลาผ่านเลย ลุล่วงมาถึงวันนี้ "ความจริง" ก็เปิดตัวว่า "คนเสื้อแดง"มิใช่ "คนเผาบ้านเผาเมือง"
วาทะกรรมป้ายสีหวังส่งผลกระทบซิ่งไปยัง"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" และ"พรรคเพื่อไทย" ด้วยประสงค์ร้ายให้คนเกลียดชัง
กลับกลายเป็นบูมเมอแรงที่ย้อนศรวิ่งเข้าหา "พรรคประชาธิปัตย์และผู้ร่วมขบวนการ" ในการล้อมฆ่าประชาชนกลางเมืองหลวง
ว่า"ใครคือคนเผาบ้านเผาเมือง" ตัวจริง
ในขณะที่"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับได้รับความรักและความชื่นชม" จากคนไทยและผู้นำประเทศทั่วโลก
เพื่อกวาดล้าง "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ให้ล้มระเนระนาดไปกับสายน้ำ ซึ่งมีปริมาณนับพันนับหมื่นล้านลูกบาศก์เมตร
ที่ไหลเชี่ยวกรากจากเหนือลงใต้เพื่อหาทางลงสู่ทะเล แต่"กทม" ที่มีคนของพรรคประชาธิปัตย์เป็น "ผู้ว่าการ"
กลับสะกัดกั้นไม่ให้น้ำไหลผ่าน ปล่อยให้ประชาชนในเขตปริมณฑลจมอยู่ใต้น้ำนานนับเดือนอย่างเลือดเย็น
ประชาชนจึง "ตาสว่าง" กันทั้งแผ่นดินว่าใครรักประชาชนจริง ทำให้ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"กลายเป็น "นารีขี่ม้าขาว"ในสายตาประชาชน
อีกทั้งยังได้รับคำชื่นชมจากองค์กรระหว่างประเทศและผู้นำนานาชาติว่าเป็น "ผู้นำหญิงคนแรกของโลก"
ที่สร้างปรากฎการณ์แก้ไขภัยธรรมชาติครั้งยิ่งใหญ่ได้สำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ
กลับก้มหน้าก้มตาทำงานแก้ปัญหาน้ำท่วมทั้งกลางวันกลางคืน วันโกนไม่ละ วันพระไม่เว้น ไม่พักแม้วันหยุด ทั้งวันเสาร์และอาทิตย์
"เอาอยู่"
คือคำพูดติดปาก"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนและนักลงทุนทั้งไทยและเทศ
ว่ารัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์และแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น
นอกจากคำว่า "เอาอยู่" แล้วยังมีคำว่า "Flood Way" ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ การแก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมอย่างยั่งยืน
กลับถูกพรรคประชาธิปัตย์จิตวิปริตนำมาล้อเลียนและตีความให้ประชาชนเกิดจินตนาการไปในทางลามกอนาจาร
"ว.5โฟร์ซีซัน""ที่รองรับน้ำ" ตลอดจนคำถากถางให้ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ไปทำงานที่ "สาวเหนือช่ำชอง"
ล้วนพรั่งพรูออกจากปากของพลพรรคประชาธิปัตย์และสมุนบริวารเพื่อเหยียบย่ำนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศไทยให้ต่ำลง
หากขุดคุ้ยหาความจริง "พรรคประชาธิปัตย์" ต่างหากที่เป็นผู้ใฝ่ต่ำขนานแท้
เริ่มจาก นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กับ"พฤติกรรมยอมรับลูกไม่รับเมีย ไม่แยแส ติ๋มการบินไทย"
ต่อด้วย พฤติกรรมสุดอื้อฉาวของ 3ผู้บริหารสูงสุด แห่งพรรคประชาธิปัตย์
ที่ร่วมกัน "รุมขยี้สวาทคุณหญิงตราตั้งสมาชิกพรรคของตนเอง" ในตู้นอนบนรถไฟด่วนสายใต้
อีกทั้งยังมีเรื่องให้เม้าท์กันมันปากว่า"คุณนายแตงโมพยายามฆ่าตัวตายมากกว่า 1 ครั้ง"
เพราะ "ไอ้มาร์ค"สามีตัวแสบไปหลงเสน่ห์สาวแก่ "อยากเป็นราชบุตรเขย"
เรื่องราวอื้อฉาวของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีโลโก้เป็นพระแม่ธรณีบีบ...วยผม
มีมากมายที่ผู้คนจำนวนมากได้รับรู้และจดจำจนกลายเป็นตำนานเล่าขานว่าเป็นพรรคแลกผัวแลกเมีย
ทั้งนี้ยังไม่รวมเรื่อง "ดันดารา"และเรื่องที่เป็น "พรรคตีท้ายวัง" ซึ่ง "เทพเทือก" รู้เรื่องนี้ดีที่สุด
เนื่องจากบุคคลในพรรคหลายคน "ตั้งแต่ระดับสูงลงมาถึงระดับเทพเทือกแอนด์เดอะมาร์ก"
ล้วนอยากเป็นผัวของคนในวังทั้งนั้น
เอาตีนราน้ำและแกว่งเท้าหาเสี้ยนได้ทุกเรื่องคือพรรคประชาธิปัตย์
เพียงอ่านคำ "หญ้าแฝก" เป็น "หญ้าแพรก" และการพลั้งพลาดในการพูดและปราศรัยบ้างบางครั้งคราว
พลพรรคประชาธิปัตย์และสมุนบริวารก็กระพือข่าว เม้าท์กระจายว่า "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นั้น "โง่เง่า"
ทำลายภาพพจน์ของประเทศ ไม่มีความเป็นผู้นำ ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
แต่ทว่าหาก "เจาะประเด็น" ว่า "ด้วยเรื่องของความโง่" กันจริงๆ
พรรคประชาธิปัตย์และสมาชิกนั่นแหละคือ "พวกโง่ตัวพ่อ" ที่โง่ "เกินเยียวยา" ตัวจริง
ขอยกเอา นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เป็นตัวอย่างอีกสักครั้ง
นั่นคือ นายชวน หลีกภัย ขณะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
สามารถ"นั่งหัวเราะ" ฟังอดีตนายกรัฐมนตรีของมาเลเชียประนามว่าเป็น"คนโง่แห่งเอเชีย"
ในระหว่างการประชุมระดับนานาชาติได้อย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ แสดงความโง่ระดับเทพจริง ๆ ด้วยฝีมือล้วน ๆ ไม่มีตีนปน
และอีกครั้งในการประชุมที่สหรัฐอเมริกา
"นายชวน หลีกภัย" ฟังหัวข้อที่ผู้นำนานาประเทศเขาถกกันไม่รู้เรื่องเนื่องจาก"ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง"
สิ่งที่ "นายชวน หลีกภัย" ทำในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนั้นคือการ "นั่งสเก็ตภาพ"
สเก็ตภาพอย่างเดียวยังไม่พอ
ยังนำเอาภาพที่ตนวาดระหว่างเวลาการประชุมสำคัญนั้นมาโชว์ให้ผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่น ๆ ดูหลังการประชุมอีกด้วย
มันเป็นความ "โง่เง่า" ที่ขำไม่ออกจริง ๆ
ต่ออีกนิดกับ "ความโง่" ในโครงการ สปก 4-01
นายชวน หลีกภัย ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และผู้ครองตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มักกล่าวอ้างเสมอมาว่าตนเป็นลูกแม่ค้าขายพุงปลา เป็นเพียงลูกชาวบ้านธรรมดา
แต่กลับไม่รู้ความหมายของคำว่า "เกษตรกร" ต้องให้สำนักงานกฤษฎีกา "ตีความ"
ทั้ง ๆ ที่โครงการ สปก.4-01 เป็นโครงการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับเกษตรกรยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง
แต่ นายชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลและเป็นผู้ควบคุมนโยบายอยู่ในขณะนั้นกลับ "ตีลูกโง่" เมื่อถูกจับได้ว่า
ได้มีการนำที่ดิน สปก.4-01 ไปแจกให้เศรษฐีลูกพรรคที่จังหวัดภูเก็ต จึงต้องแก้เก้อด้วยการประกาศว่า
การจัดสรรที่ดินทำกินตามโครงการ สปก.4-01 เหมือนการสอบชิงทุน ไม่เลือกคนรวยคนจน
เรื่อง "ไข่ชั่งกิโล" คงไม่ต้องพูดถึงเพราะประชาชนเขารู้กันไปทั้งโลกแล้วว่า"มันอัจฉริยะจริงๆ"แค่ลงทุนจ้างผู้เชี่ยวชาญเพียง "69 ล้านบาท" ก็ได้นโยบายการแก้ปัญหาไข่ที่ "เลิศล้ำในสามโลก"อย่างที่ "ณัฐวุฒิ ใสเกื้ิอ" เคยพูดไว้ว่านโยบายนี้มีเงินอย่างเดียวทำไม่ได้ "ต้องโง่" ด้วย และที่โง่ล้ำเลิศไปกว่านั้น คือนโยบายของ "หนองเตย" ที่บังคับให้นักเรียนต้องหลังขดหลังแข็งนั่งรอเวลา 6 โมงเย็น เพียงเพื่อร้องเพลงชาติและส่งเสียง "ไชโย ไชโย ไชโย" หลังจากชักธงลงจากยอดเสาทั้ง ๆ ที่มีการบ้านเต็มพิกัดให้ต้องกังวล ทั้ง ๆ ที่ข้าวต้องกิน น้ำต้องดึ่ม แต่เด็ก ๆ กลับต้องมาทนทุกข์ทรมานรอเวลาเป็นชั่วโมง ๆ รอเพื่อสนองนโยบายรักชาติแบบเอาหัวเดินต่างตีน ไม่รู้ว่ามันโง่หรือว่ามันบ้า
เพราะคงไม่มีผู้รักชาติคนใดดีใจเมื่อธงชาติต้องถูกปลดลงจากเสาถึงกับส่งเสียง "ไชโย"
ไม่ต่างกับการบังคับคนให้มาส่งเสียงหัวเราะแสดงความดีใจตอนหย่อนหีบศพลงหลุม ฉันใดฉันนั้น
มีใครจำได้บ้างไหมว่า
67 ปีของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ฝากผลงานอะไรไว้ให้ประเทศชาติและประชาชนบ้าง
นอกจากการฉ้อฉลและโกงกิน ที่หลักฐานของการฉ้อราษฎร์ บังหลวงยังหลงเหลือให้เห็นตำตาคนไทยทั้งประเทศอยู่ในปัจจุบัน ปรส. 8 แสนล้าน - สปก.4-01 - โครงการโฮปเวลล์ - โครงการไทยเข้มแข็ง - สนามฟุตซอล - สถานีตำรวจ - รถดับเพลิงและอีกมากมายที่ไม่อาจบรรยายได้หมดในข้อเขียนเดียว แต่เชื่อไหมว่าพรรคประชาธิปัตย์กลับกล่าวหาพรรคอื่นว่าโกงกินได้อย่างไม่อายปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกล่าวหา "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ว่าโกงทั้งแผ่นดิน และพากันยกโขยงออกมาคัดค้าน ขัดขวาง เตะถ่วง ทุกโครงการและทุกนโยบายของรัฐบาล ทั้ง ๆ ที่โครงการและนโยบายเหล่านั้นล้วนจัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาประเทศ สร้างความกินดีอยู่ดีให้กับประชาชนไทยทั้งสิ้น
ให้สงสารและเห็นใจ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อย่างยิ่ง
ที่ถูกพรรคประชาธิปัตย์และบรรดาลิ่วล้อบริวาร ด่าว่าแดกดัน กระทบกระเทียบเปรียบเปรยได้ทุกเรื่อง ทุกวัน ตั้งแต่เรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ไปจนถึงกิจวัตรและภาระกิจในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายบริหาร ที่ต้องประกอบภาระกิจในประเทศ และต้องเดินทางไปเยือนประเทศต่าง ๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์และเจรจาการค้า แต่กลับถูกกล่าวหาว่า "หนีการประชุม" ไม่ให้เกียรติสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร "ไม่มาตอบ" กระทู้สด
"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
ไม่เคย "เสียน้ำตา" หรือใส่ใจกับ "เสียงเห่าหอนแดกดัน" เหล่านั้นแม้แต่น้อย
นอกจากก้มหน้าก้มตาทำงานรับใช้ประชาชนต่อไป ตามสัญญาประชาคมที่ให้ไว้ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง เนื่องจากน้ำตาของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" มีไว้เพื่อประชาชนเท่านั้น "ยามเห็นประชาชนทุกข์" เสียงของเธอสะอื้น น้ำตาคลอเบ้า" คนชั้นรากหญ้าสัมผัสได้ถึงความห่วงใย" แต่ชนชั้นอำมาตย์และพลพรรคประชาธิปัตย์กลับ "แดกดัน" ว่า "อ่อนแอ" ไร้ภาวะผู้นำ
RED USA จึงขอประกาศไว้ ณ ที่นี้และตรงนี้ให้เหล่าอำมาตย์ พลพรรคประชาธิปัตย์ องค์กรอิสระและสมาชิกของขบวนการยุติธรรมไทยที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชน
จงได้รับรู้โดยทั่วกันว่าเวลาของพวกท่านใกล้จบลงแล้ว เพราะประชาชนจะไม่ทนให้ท่านเหยียบย่ำและทำร้ายตัวแทนของประชาชนอีกต่อไป
หาก "น้ำตาของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ต้อง "หลั่งนอง" เพราะ "ความโหดร้าย" ของพวกท่าน โปรดได้จดจำไว้ว่าสงครามประชาชน เพื่อไล่ล่ากวาดต้อนพวกท่านทุกรูปนามไปสู่ขุมนรกอเวจีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
RED USA
April 9, 2013