วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

บันทึกเส้นทางสีแดงเพื่อสันติภาพ (ตอน 2)


 
 
บันทึกเส้นทางสีแดงเพื่อสันติภาพ (ตอน 2)
2 เหตุการณ์วันที่ 10 เมย.ที่เวทีราชประสงค์ :
ในวันที่ 10 เมย.ซึ่งเป็นวันที่มีการสลายการชุมนุมครั้งแรกที่เวทีผ่านฟ้า ช่วงบ่ายผมนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน เห็นเฮลิคอปเตอร์โยนแก๊สน้ำตาลงใส่ผู้ชุมนุม ผมรีบแต่งตัวออกมากบ้านและนำธงชาติที่เตรียมไว้ติดตัวออกมาด้วย ผมนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีชิดลมและเดินไปที่ราชประสงค์ ขณะนั้นเวลาประมาณ 17.00 น.ที่ราชประสงค์เปิดเพลงรักคน...เสื้อแดงที่มีท่วงทำนองเร้าใจปลุกใจผู้ชุมนุม ผมเห็นตำรวจนับร้อยนายในชุดเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติการ เสียงจากผู้ปราศัยบนเวทีกล่าวว่าสามารถเจรจากับตำรวจได้ และขอให้ผู้ชุมนุมปรบมือให้กับตำรวจที่จะถอนกำลังกลับไป ผมจึงเข้าร่วมชุมนุมนั่งอยู่บริเวณหน้าห้างเกษร

เวลาประมาณ 19.00 น. คุณณัฐวุฒิ ใสเกื้อได้ขึ้นเวทีและแจ้งว่าผู้ชุมนุมที่ผ่านฟ้าได้มีการปะทะกับทหารอย่างหนัก จึงขอกำลังจากผู้ชุมนุมจากราชประสงค์ไปสมทบ ขอทุกคนลุกขึ้นยืนกลับหลังหัน ผมหันไปมองด้านหลังอย่างงงๆ ผมเห็นผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ (ทั้งชายและหญิง) ลุกขึ้นยืนและหันหลังไปทางประตูน้ำ ผู้ชุมนุมที่เตรียมไปสมทบมีมากเสียจนคุณณัฐวุฒิต้องประกาศบนเวทีว่าขอตัดตอนเพียงแค่หน้าห้าง Big C ราชดำริ จากนั้นคุณณัฐวุฒิได้รีบลงจากเวทีเพื่อพามวลชนไปสมทบที่ผ่านฟ้า

ในเวลาประมาณ 21.30 น.มีผู้ชุมนุมที่เป็นชายฉกรรจ์หลายคนเข้ามาสมทบบริเวณที่ผมนั่งอยู่ บางคนมีหน้าตาตื่นและจับกลุ่มคุยกับผู้ร่วมชุมนุมที่อยู่ข้างๆ ผมเข้าไปฟังพบว่าชายฉกรรจ์เหล่านั้นเพิ่งกลับจากการปะทะกับทหารที่แยกคอกวัว พวกเขาเล่าว่าทหารอยู่บนตึกของโรงเรียนสตรีวิทย์ยิงลงมาที่ผู้ชุมนุมจนเสียชีวิตไปหลายราย บางคนในนั้นโชว์ภาพที่ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือสดๆร้อนๆ มีภาพผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิตหลายภาพ คำที่ผมจำได้ถนัดหูคือคำว่า "พี่ๆ ทหารมันยิงไส้ไหลเลย" ฯลฯ

เวลาประมาณ 23.00 น. ที่เวทีราชประสงค์ได้มีการนำร่างของผู้เสียชีวิตที่ผ่านฟ้ามาขึ้นเวทีที่ราชประสงค์เพื่อแสดงให้กับผู้ชุมนุมได้เห็นว่าทหารยิงประชาชนเสียชีวิต มีการนำธงชาติคลุมร่างของผู้เสียชีวิต แกนนำหลายคนยืนน้ำตาซึม ผมเห็นภาพคุณณัฐวุฒิก้มลงกราบที่เท้าของผวีรชนท่านหนึ่งด้วยสายตาที่แดงก่ำ ผู้ชุมนุมจำนวนมากตกใจ หลายคนตะโกนสาปแช่งทหาร บางคนเริ่มร้องไห้

ผมอยู่ที่เวทีราชประสงค์จนดึกดื่นเพื่อรอดูสถานการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันนั้นจำได้ว่าแทบไม่เห็นใครกลับก่อนเพราะความหวาดกลัว ตรงกันข้าม ผมเห็นผู้ชุมนุมเพิ่มมากขึ้นๆ คนที่นั่งข้างๆต่างมองตากันและให้กำลังใจกัน ผมจำได้ว่าผมนั่งเป็นเพื่อนหญิงวัยกลางคนบริเวณหน้าห้างเวิลด์เทรด หลายคนล้มตัวลงนอนบนพื้นถนนโดยไม่กลัวว่าทหารจะมาสลายการชุมนุมหรือไม่ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นความเข้มแข็งของคนเสื้อแดง ทุกคนไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง คนหนุ่มสาวหรือคนชรา ทุกคนมีหัวใจดวงเดียวกันคือหัวใจของความเป็นนักต่อสู้ที่ไม่เกรงกลัวแม้กระทั่งความตายที่อาจมาถึง

ขอบคุณผู้เขียน..ด้วยคารวะ
https://www.facebook.com/#!/profile.php?id=100001524930164&sk=wall