วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นาทีสภาเดือด... เขวี้ยงแฟ้ม-ขยุ้มคอ



การพิจารณาเลื่อนญัตติร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ทำให้สภาป่วนซ้ำสอง เมื่อเกิดเหตุการณ์ "วรงค์ เดชกิจวิกรม" ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ปรี่เข้าไปที่หน้าบัลลังก์ขว้างแฟ้มเอกสารเข้าใส่ "ขุนค้อน "สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์"  ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ขณะด้านล่างบัลลังก์ บรรยากาศวุ่นวายไม่แพ้กัน เมื่อปรากฏภาพ ส.ส.ปชป.อีกคนได้ปรี่เข้าหานายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่กำลังถ่ายคลิปวิดีโออยู่ พร้อมเอามือสองข้างขยุ้มคอ และยังหันไปปะทะคารมกับ เก่ง "การุณ โหสกุล" ส.ส.กทม. พท. จนเกือบจะลงไม่ลงมือกัน

หลังภาพปรากฏเป็นข่าว "ธานี เทือกสุบรรณ" ส.ส.สุราษฎร์ธานี ปชป. ออกมายอมรับว่าเป็นคนเอามือขยุ้มคอ "จิรายุ" โดยบอกว่า "ก็แค่ไม่อยากให้มีเรื่อง ก็แค่กันเขาออกไปในจุดที่ ปชป.ยืนอยู่เป็นจำนวนมาก แล้วเขาก็พยายามถ่ายรูปก็เลยเข้าไปกอดคอเขาแค่นั้นเองไม่มีอะไร ไม่ได้กดคอและบีบคอ ดูภาพก็เห็นว่าไม่ได้บีบแค่ไปจับคอเฉยๆ มันก็เป็นเพื่อสมาชิกกันทั้งนั้น"




"ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าแค่ไม่ให้เขาเดินเข้าไปตรงที่มีพรรคประชาธิปัตย์ยืนอยู่เยอะๆ เขาก็เข้ามาถ่ายรูปเลยเข้าไปบอกเขาแค่นั้น แต่ทุกคนเห็นว่าจะมีเรื่อง แต่จริงๆ ไม่มีอะไร ไม่ได้บีบ ไม่ได้อะไร ภาพที่หลุดคล้ายกับจะมีเรื่องจริงๆ ก็ไม่มีอะไร ถ้าไปดูคลิปจริงๆ ก็จะเห็น ถ้าเราไปทำก็ต้องเห็นชัดๆ" นายธานีกล่าว

ส่วน "จิรายุ" ที่ใส่เฝือกอ่อนที่คอนั้น ธานีบอกว่า "จิรายุต้องทำอยู่แล้ว เขาต้องสร้างภาพอยู่แล้ว เขาต้องไปแจ้งความ พอเขาจะไปแจ้งความเขาต้องเอาเฝือกคอมาใส่ให้เห็นว่าเขาเจ็บคออยู่ เขาต้องทำ แต่เราไม่ได้ทำ และผมจะยืนหยัดและยืนยันที่จะต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมายต่อไป"

ด้าน "จิรายุ" ในฐานะเจ้าทุกข์ เปิดเผยว่า "ผมเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ช่วงที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย ผมก็แค่เข้าไปถ่ายรูป เหมือนที่คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เคยถ่ายคลิปความวุ่นวายในวันแรกไว้ พอถ่ายเสร็จผมก็จะถอยตัวออกมา เผอิญไปกระแทกกับคุณธานี แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้น ผมก็ถอยออกมาให้ห่างเขาหน่อย แล้วก็ถ่ายรูปเขา จังหวะนั้นเขาก็วิ่งเข้ามาบีบคอผมเลย""ผมก็งงว่าเขาเป็นอะไร ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นผู้ใหญ่กว่าผมด้วยซ้ำ เขาอายุ 60 กว่าปีแล้ว ผมเพิ่งอายุ 40 ปีกว่าๆ แต่จู่ ๆ ก็วิ่งมา แล้วก็ไม่พูดอะไร เข้ามาบีบคอผม พอเริ่มมี ส.ส.หลายคนเข้ามาห้ามก็คงจะคิดได้ว่าไม่สมควรที่จะทำแบบนี้ถึงปล่อยมือออกจากคอผม"

"จากนั้น ผมก็เดินออกมา หลังจากกลับไปที่บ้านพักก็ได้ไปพบแพทย์ ที่โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ให้ตรวจดูว่าผมบาดเจ็บอะไรหรือไม่ หมอก็บอกว่ากล้ามเนื้อคอผมอักเสบ ให้ผมพักผ่อน ระมัดระวังและใส่เครื่องป้องกัน ผมมีใบรับรองแพทย์พร้อมทั้งหมด" "จิรายุ" เปิดเผยวินาทีโดนขยุ้มคอ

ด้านหมอ "วรงค์" มือเขวี้ยงแฟ้มใส่ "ขุนค้อน" เปิดเผยเหตุการณ์ในวินาทีนั้นว่า "ในตอนนั้นมันมีที่มาที่ไป คือตัวประธานสภาเขารวบรัดมาก แล้วผมถือว่าเราใช้สิทธิตามข้อบังคับการประชุมที่เราสามารถอภิปรายซักถามข้อสงสัยของเราได้ แต่อยู่ๆ ประธานเขาอ้างว่าได้ผ่านการประชุมคณะกรรมาธิการทั้ง 35 คณะแล้ว"

"ความรู้สึกผมตอนนั้น ผมลุกขึ้นยืนประท้วง คือเรารู้อยู่แล้วว่า เขายกเลิกคำพิพากษาเท่ากับว่าเขาต้องมีการคืนเงิน อันนี้คือ หมู ลงมติว่าอันนี้คือ หมา ความรู้สึกเราเป็นอย่างนั้น ตอนที่เราใช้สิทธิ ประธานก็บอกถ้าไม่มีใครเห็นเป็นอย่างอื่นเขาจะลงมติ ในขณะที่พวกเราจำนวนมากคัดค้าน ผมก็เลยถือโอกาสเดินไป ถ้าสังเกตจะเห็นว่าผมมีเอกสารเล่มหนึ่งถืออยู่ ซึ่งเอกสารนั้นคือข้อบังคับการประชุม และจะเห็นว่า ผมชูมืออยู่ตลอดเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงการคัดค้าน ซึ่งผมใช้สิทธิตามข้อบังคับในการประท้วงประธานสภา ซึ่งประธานก็เห็นตลอดแต่บอกว่าถ้าใครไม่เห็นเป็นอย่างอื่นจะลงมติ แกก็กดออด"



"ผมได้บอกให้ประธานดูข้อบังคับ ข้อ 9.6 เขาให้สิทธิพวกผมในการซักถามท่านจะมาบอกว่าไม่มีใครเห็นเป็นอย่างอื่นไม่ได้ แต่ประธานไม่สนใจรีบลงมติทันที"

"ความรู้สึกผมตอนนั้นต้องการกระตุกสังคมให้เต็มที่ จะต้องช่วยเหลือสังคม เพราะมันรุนแรงเกินกว่าที่จะรับได้ ผมก็เลยตัดสินใจขว้างหนังสือที่เป็นข้อบังคับการประชุมไปให้กับประธานสภา ตอนนั้นเราคิดว่าเราทำในเชิงสัญลักษณ์เพื่อกระตุกสังคม เราไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายประธาน เราต้องการให้สังคมหันมาสนใจเรื่องพวกนี้มากขึ้น"

"หมอวรงค์" ยังบอกความรู้สึกหลังเขวี้ยงเอกสารไปแล้วว่า "คือมันจวนตัว เราต้องยอมเจ็บตัวยอมเสีย เพื่อให้สังคมยอมกระตุก เพราะเรื่องนี้มันร้ายแรงมาก ขนาดผมยังตัดสินใจทำแบบนี้ ในสาระที่กฎหมายทำแบบนี้มันทำลายชาติ ถ้าปล่อยไว้ประเทศชาติจะเสียหายมาก ผมต้องยอมเสียภาพพจน์ เสียชื่อเสียง แต่ผมจะรักษาประโยชน์ของประเทศชาติ ผมจะคัดค้านกฎหมายฉบับนี้"
"ถ้าท่านประธานจะแจ้งความนั้นไม่เป็นไร คือถ้าท่านใจกว้าง จะเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้น เกิดมาจากพฤติกรรมของท่านเอง ถ้าท่านประธานแจ้งความเท่ากับเป็นการประณามตัวเอง" หมอวรงค์กล่าว
นั่นคือคำอธิบายของผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์อื้อฉาวในสภา เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2555
ที่ผ่านมา  ใครผิดใครถูก  เหตุผล ข้ออ้าง ข้อแก้ตัวฟังขึ้นหรือไม่  
ประชาชนที่เห็นภาพเหตุการณ์ มีคำตอบในใจอยู่แล้ว

http://www.matichon.co.th/news_detail.phpnewsid=1338605802&grpid=&catid=01&subcatid=0100