วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ฆ่าตัวตายทางการเมือง



ฆ่าตัวตายกันไปเรียบร้อยแล้ว..เป็นการฆ่าตัวตายหมู่เสียด้วย ไม่เท่านั้นยังกระทำซ้ำอีก
วันแรกยังไม่พอ ยังมีวันต่อๆ มา ไม่น่าเชื่อว่าจะขาดความยับยั้งชั่งใจกันได้ขนาดนี้
ปล่อยตัวปล่อยใจกันอย่างประเจิดประเจ้อกลางที่ประชุมสภา 


เปลือยกายล่อนจ้อน..

โชว์สัญชาตญาณดิบกันอย่างไม่หวั่นเกรงสายตาประชาชนที่ดูการถ่ายทอดสดทางจอทีวีกันเลยแม้แต่น้อย

กลายเป็นกลุ่มผู้ทรงเกียรติที่จะได้รับการจารึกชื่อ ในฐานะผู้สร้างรอยด่างเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์รัฐสภาของไทย

อาจจะจงใจประท้วงท่านประธาน ด้วยวิธีการขั้นรุนแรงสูงสุด 
เพื่อรับกับกระแสม็อบที่ชุมนุมอยู่ข้างหน้า
หรืออาจจะด้วยอารมณ์พาไปก็ตามที
จะมีแผนหรือไม่มีแผน จะคิดน้อยคิดมาก คิดลึกหรือคิดสั้นก็ตามทีเถอะ
แต่นี่คือการฆ่าตัวตายทางการเมืองครั้งใหญ่


 จนห้าวหาญกล้าทำในสิ่งที่ ส.ส.รุ่นพี่ รุ่นพ่อต้องตะลึงแล้วก็เตลิดเปิดเปิงไปด้วยกันทั้งกลุ่ม ไม่มีใครห้ามใครได้ 

หัวหน้าเด็กก็เด็กพอกัน นำทีมสร้างอารมณ์เดือดพล่าน จนพรรคพวกคุมอารมณ์ไม่อยู่ กลายเป็นภาพน่าอเนจอนาถอย่างที่เห็น นึกถึงภาพเด็กๆ ห้าวๆ ไปนั่งบัญชาการอยู่ในองค์กรที่มีอำนาจเต็มเปี่ยมในช่วงบ้านเมืองวิกฤตออกหรือยัง  ผู้คนถูกคำสั่งรัวกระสุนตายกลางเมืองไปเกือบร้อย

คงเป็นเช่นนี้แหละ...

อีกไม่กี่วันจะมีเกมฟุตบอลใหญ่ระดับยุโรป คนไทยและคนทั่วโลกคงดูกันเป็นมหกรรม

ไม่มีทีมเล็กทีมรองบ่อนทีมไหนหรอก ที่สู้ไม่ได้ในเกมการแข่งขัน แล้ววิ่งเข้าไปฉุดกระชากลากตัวกรรมการ

ถ้าสู้ไม่ได้เพราะกรรมการไม่เป็นกลาง ประชาชนคนดูจะเป็นผู้ตัดสินให้แทน

มีแต่นักบอลวัยรุ่นใจร้อนไม่เป็นมืออาชีพเท่านั้น ที่ไปทะเลาะกับกรรมการ

แล้วลงเอยก็โดนใบแดง โดนลงโทษ ถึงไม่โดนในสนาม ประชาชนก็จะแจกแทน


เราเคยนั่งดูข่าวต่างประเทศ เห็นภาพสมาชิกสภาในหลายๆ ชาติ อาละวาดขว้างปาข้าวของ ไล่เตะต่อยกัน  ..อาจจะรู้สึกขำขันสนุกมัน  แต่พอมาเกิดเหตุในสภาไทย แถมต่อเนื่องสองวันนั้น คราวนี้ขำกันไม่ออก  นั่งมองจอทีวีอ้าปากหวอไปตามกัน พร้อมเสียงอุทานอย่างตกใจ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำกันได้ขนาดนี้

เพราะสังคมไทยได้ชื่อในความเป็นสังคมประนีประนอม มีรากเหง้า มีเครือญาติ เป็นสังคมที่ถึงจะขัดแย้งกันเช่นไร คงไม่ถึงขั้นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กัน

ยิ่งสมาชิกในสภาผู้ทรงเกียรติ อาจจะเถียงกันหน้าดำหน้าแดง ชี้หน้าด่ากันบ้าง หลุดคำหยาบคายใส่กันบ้าง  แต่ไม่เคยมีพฤติกรรมบุกไปฉุดกระชากลากถูผู้เป็นประธาน ไปลากเก้าอี้โยนทิ้งกันอย่างสนุกสนาน ไปขว้างปาข้าวของใส่




อันที่จริงก็วิเคราะห์ได้ไม่ยาก เพราะการเมืองไทยในยุคไม่กี่ปีมานี้ เราปล่อยให้เด็กจำนวนหนึ่งเติบโตรวดเร็วเกินไป ก้าวขึ้นมากุมอำนาจยิ่งใหญ่ในทางการเมือง ดลบันดาลอะไรก็ได้ จะพูดอะไรเลื่อนลอยก็ได้ สร้างเรื่องเท็จกลบความผิดเป็นนิจศีล

(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2555)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1338560851&grpid=03&catid=02&subcatid=0207




(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2555)




(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2555)