วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

1ปีพฤษภาประชาภิวัฒน์รำลึก(5):วิสาขบูชา53

1ปีพฤษภาประชาภิวัฒน์รำลึก(5):วิสาขบูชา53



วิสาขบูชาปี 2553-เหตุการณ์สำคัญเมื่อวันวิสาขบูชาปี 2553 ประกอบไปด้วยข่าวเหตุการณ์ส.ส.เพื่อไทยอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสภากรณีพระสงฆ์ที่สนับสนุนการชุมนุมของคนเสื้อแดงถูกปฏิบัติจากทหารโดยการกระชากจีวรออกจากร่างแล้วจับมือไพล่หลัง และนำไปขังคุก โดยไม่ต้องทำพิธีสึก(ภาพข่าว:สำนักข่าวต่างประเทศ) ค่ำวันเดียวกันนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ วัดชนะสงคราม ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทรงสดับพระธรรมเทศนา เนื่องในวันวิสาขบูชา พ.ศ.2553 (ภาพข่าว:เวบผู้จัดการASTV)


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 28 พฤษภาคม 2553

1 ปี 19 พฤษภาประชาภิวัฒน์รำลึก-ก่อนครบรอบเหตุการณ์ 1 ปี 19 พฤษภาคม 2553 ไทยอีนิวส์นำเสนอรายงานปริทรรศน์ชุด Count Down:1 ปี 19 พฤษภาประชาภิวัฒน์รำลึก เป็นตอนๆ รายงานชิ้นนี้เป็นตอนที่ 4



นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อค่ำวันที่ 27พ.ค. 2553 ว่า วันที่ 28 พ.ค.2553 เป็นวันวิสาขบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก แต่มีเรื่องน่าสะเทือนใจชาวพุทธก็คือ ในการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมนั้น ได้มีการจับกุมพระสงฆ์ที่เข้าร่วมสนับสนุนการชุมนุมอย่างน้อยก็ 5 รูปที่เขาได้เข้าไปเยี่ยมที่เรือนจำ

รัฐบาลพยายามบอกว่าพระที่โดนจับกุมนี้เป็นพระปลอม และมีอาวุธ แต่จากการที่ได้เข้าไปเยี่ยมพระที่ถูกจับในเรือนจำยืนยันได้ว่าเป็นพระจริง โดยรูปหนึ่งนั้นเป็นพระในพื้นที่เลือกตั้งของเขาคืออำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี มีชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธากราบไหว้มากรูปหนึ่ง โดยพระรูปนี้ถูกทหารจับกุมตัวในวันที่มีการกระชับพื้นที่สลายการชุมนุม

ทั้งที่เป็นพระสงฆ์อยู่และยังไม่ได้ให้ลาสึกแต่อย่างใด มีการกระชากผ้าเหลืองจีวรออกแล้วหาชุดนักโทษสีเหลืองจำคุกไว้ที่แดน9ในเรื่อนจำกลางกรุงเทพฯ ร่วมกับพระรูปอื่นๆอีกรวม 5 รูป ในจำนวนนี้เท่าที่จำชื่อได้ เช่น พระสมุทร ขาวอ่อน อยู่แดน 6 กับพระจากขอนแก่น และสระบุรีรวม 3 รูป อีกรูปหนึ่งนามสกุลมุทุกันต์ มาจากอุบลราชธานี สอบถามดูเป็นลูกหลานของอดีตรัฐมนตรีปิ่นมุทุกันต์ ถูกขังอยู่ในแดน 9กับพระจากท่าวุ้งลพบุรี

"เรื่องนี้สะเทือนใจชาวพุทธมากครับ ผมเพิ่งไปเยี่ยมทั้ง5ท่านมา ทำอย่างนี้ได้อย่างไรว่าท่านเป็นพระปลอม กระชากจีวรออกยัดคุก หาชุดนักโทษให้ท่านใส่ โดยที่ไม่ได้สึกตามพิธีทางพระพุทธศาสนา ท่านก็ยังถือว่าท่านเป็นพระอยู่"นายสุชาติกล่าว และว่าหากพระเหล่านี้จะมีความผิดก็คือ ท่านตามมาดูแลชาวบ้านที่มาชุมนุม กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เวลาทหารจะเข้ามายิงท่านก็ไปขอบิณฑาตชีวิต ปรากฎว่าท่านโดนจับเสียเอง และถูกปฏิบัติไม่สมกับเมืองไทยเป็นเมืองพุทธแม้แต่น้อย


ขอบิณฑาตชีวิต-กลุ่มพระสงฆ์ที่สนับสนุนคนเสื้อแดงขึ้นขอบิณฑบาตชีวิตผู้ชุมนุมในวันสุดท้ายก่อนถูกสลาย โดยรูปหนึ่งได้วิงวอนให้ในหลวงทรงโปรดใช้พระบารมีเป็นที่พึ่งแก่ผู้ชุมนุมด้วย



สิ่งที่ได้รับ-สิ่งที่พระสงฆ์ได้รับคือชีวิตที่ถูกสังหาร โดยท่านเหล่านี้ได้ช่วยญาติโยมเป็นครั้งสุดท้ายคือการหามร่างผู้บาดเจ็บ หรือไร้ชีวิตเข้าไปยังวัดปทุมวนาราม











กระชากจีวรจับมือไพล่หลังขังคุกไม่ต้องสึก-พระสงฆ์ที่เข้าสนับสนุนการชุมนุมถูกปฏิบัติจากทหารโดยการกระชากจีวรออกจากร่างแล้วจับมือไพล่หลัง และนำไปขังคุก โดยไม่ต้องทำพิธีสึก


"สุชาติ" จี้นายกฯ ขอโทษ ปชช. โชว์ภาพพระ 5 รูปถูกขัง "สุเทพ" โต้ไม่ใช่พระแค่ "คนห่มผ้าเหลือง"

ต่อมาเมื่อเวลา 16.06 น. วันที่ 31 พ.ค. นายสุชาติ ลายน้ำเงิน พรรคเพื่อไทย จ.ลพบุรี อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่า " ผมอภิปรายในประเด็นเรื่องศาสนาพุทธ นายกฯ ไม่ได้ไปดูพระที่ถูกทหารจับ ฟังแต่รายงาน ขณะที่นายสุเทพ บอกว่า คนห่มผ่าเหลือง ขอให้ดูน้ำตาของพระ ภาพที่หลุดออกมา เอาเชือกมัดไพล่หลัง ดูน้ำตาของพระ พระรูปนี้ ชื่อ พระประเสริฐ สุรปัญโญ อายุ 48 ปี คนลพบุรี พระองค์นี้ อยู่บ้านผม เป็นคนที่คนในอำเภอท่าวุ้ง นับถือ อีกรูปหนึ่ง พระศรีอริยะ อริวังโส "

อีกรูป พระสมบูรณ์ มุทุกัณฑ์ ถูกจำคุกแดน 9 เป็นพระจาก จ.อุบลราชธานี พระมาเพื่อจะมาบอกว่า อย่ายิงประชาชน อีกรูปคือ พระบุญมี วัดโชคอำนวย จ. อุบลราชธานี ถูกจำคุก แดน 9 ไม่ได้เปล่งวาจาสึก องค์ที่ 5 พระสุนัย ขาวอ่อน อายุ 48 ปี จ.อุดรธานี ติดคุกอยู่แดน 6

ในช่วงที่นายสุชาติ โชว์รูป ปรากฏว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน ประท้วง ว่า ไม่ได้รับอนุญาตให้นำมาเปิดเผยในสภา

นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส. ประชาธิปัตย์ ประท้วงว่า พระที่มาชุมนุม ไม่ชอบ เพราะมหาเถรฯห้ามพระมาชุมนุม เพราะไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ

ต่อมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ชี้แจงว่า เรื่องพระ จะกระทบกระเทือนความรู้สึกประชาชน พฤติกรรมในที่ชุมนุม แยกแยะได้ยากว่าเป็นพระหรือคนห่มผ้าเหลือง ขณะอภิปรายนายสุเทพ ได้โชว์รูปจาก เอเอสทีวี ว่า พระที่ถูกอ้างคือ คือนายสุปัญญา

"4 คนไม่ได้เป็นพระ วันนี้อยู่ในคุก เพราะเป็นผู้ต้องหา จับกุมได้ซึ่งหน้า เป็นความผิดซึ่งหน้า จับได้หน้าบริษัทบางกอกเคเบิล วันที่ 19 พ.ค. มหาเถรสมาคม บอกว่า ความผิดซึ่งหน้า สามารถสึกได้ และขณะจับกุม ไม่มีผ้าเหลืองแล้ว ถ้าพระไม่ตีทหาร จะถูกจับหรือไม่ อยู่ในที่อโคจร เป็นแค่คนห่มผ้าเหลือง จะหาว่า ผมไม่ใช่คนพุทธ ผมบวชที่วัดสวนโมกข์ "นายสุเทพ กล่าว

นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังเปิดข้อมูลว่า ไปตามสอบพระที่นายสุชาติ กล่าวอ้างว่า ไม่ได้อยู่ในพื้นที่

..................................................................
คัดจาก http://thaienews.blogspot.com/2011/05/1553.html

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

บันทึกของคุณJP

ไปค้นหากระทู้เก่าๆ ที่ Save ไว้ตั้งแต่อยู่ที่ประชาไท เจอกระทู้นี้น่าสนใจ ก็เลยเอามาฝาก
เพื่อนๆ ใน IF ผมว่าถ้ามีใครช่วยบันทึกเหตุการณ์ปัจจุบันเก็บไว้ทุกวันแบบคุณ Rocky ก็จะดี
นะครับ จะได้เก็บเหตุการณ์ประวัติศาศตร์ไว้ให้ลูก ให้หลานได้เก็บไว้เรียนรู้หรืออ้างอิง

ขอบคุณ คุณ Rocky จากเวปประชาไทครับ

ปล. link บาง link อาจจะเข้าไม่ได้แล้วนะครับเพราะเป็นกระทู้เก่า



อ่านไปเรื่อย รวบรวมไปเรื่อย และอยากให้ทุกคนไม่ลืม
ประเทศกำลังไปได้สวย เพราะมีผู้นำที่ชื่อทักษิณ
ประเทศไทย กำลังกลายเป็นพี่ใหญ่แห่งอาเซียน รองจากจีน
เป็นอันต้องมาตกม้าตาย เพราะความโลภและขี้อิจฉาของบุคคลไม่กี่คน
*********************************************

สิ่งที่ร็อคเขียนต่อไปนี้ เป็นลำดับเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นในอดีต
เท่าที่สมองหมาน้อย ๆ ของร๊อคจะรวบรวมมาได้
และเป็นสิ่งที่อยากคนไทยทุกคน จดจำ มีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลาน
ที่สำคัญ !!! อย่าลืม ส่วนใครจะให้อภัยใครหรือไม่เป็นวิจารณญานส่วนบุคคลนะครับ

และขาดตกบกพร่องประการใด สมาชิกท่านใดจะช่วยเสริมหรือแก้ไข
จะยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ
********************************************************


จุดเริ่มต้น ..............
- 14 ก.ค. 41 จดทะเบียนก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เป็นพรรคการเมืองแรกที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้
รัฐธรรมนูญ 40 ปัจจุบันพรรคไทยรักไทย ถูกยุบตามคำวินิจฉัยใน คดียุบพรรค
หัวหน้าพรรคคนสุดท้ายคือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ด้วยมติ 9 ต่อ 0
โดยตุลาการรัฐธรรมนูญ (ไม่ใช่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อย่างที่ใครเข้าใจ)
และ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ถูกวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง เป็นเวลา 5 ปี
ด้วยมติ 6 ต่อ 3 เสียง

- 3 มี.ค.44 เครื่องบินโบอิง 737-4D7 ระเบิดที่ สนามบินดอนเมือง(ขณะจอดอยู่ที่หลุม 62 )
ก่อนที่ "ทักษิณ" จะบินกลับบ้านเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ เกือบจบชีวิตในครั้งแรก

ปี 2548-2549

- 6 ก.พ.48 "พรรคไทยรักไทย" กวาด 376 ที่นั่ง 19 ล้านเสียง ท่านทักษิณ เป็น นายกฯ
สมัยที่ 2 (ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ที่ได้เพียง 96 ที่นั่ง )

- 2548 สนธิ ลิ้มทองกุล (ชื่อเดิม ตั๊บ แซ่ลิ้ม) ประกาศ ขับไล่ นายกฯ ทักษิณ ออกจาก
รัฐบาลเสียงข้างมาก ผ่านรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร

- 10 เม.ย. 48 พ.ต.ท.ทักษิณเป็นประธานทำบุญประเทศในวัดพระแก้ว เป็นกรณีหนึ่งที่
สนธินำมากล่าวอ้างในเรื่องของความไม่จงรักภักดี

- มกราคม 49 ตระกูลชินวัตรและตระกูลดามาพงศ์ ขายหุ้นชิน มูลค่ากว่า 73,000 ล้านบาท
ที่นายสนธิ ใช้มาเป็นข้ออ้างหลัก ในการประท้วงขับไล่ทักษิณ ด้วยข้อหา ขายชาติและตาม
มาด้วยไม่จงรักภักดี (ทั้งที่ ๆ ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2548 ตระกูลเบญจรงคกุล ผู้ถือหุ้นใหญ่ใน
ยูคอมซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแทค ได้ขายหุ้นให้กับเทเลนอร์ทำให้ปัจจุบันผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ
แทคคือเทเลนอร์ - นอร์เวย์)

- 11 กพ. 49 จัดตั้ง กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีแกนนำ 9 คน
(รายชื่อแกนนำพร้อมประวัติ ดูที่ http://hilight.kapook.com/view/28453)
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโค่นล้ม นายยกทักษิณให้ได้ โดยใช้สีเหลืองเป็นสัญญลักษณ์ และ
สโลแกนที่ว่า "เราจะสู้เพื่อในหลวง"
- 24 กพ. 49 นายยก ทักษิณ ประกาศยุบสภา เนื่องจากถูกแรงบีบ จาก พธม. และ จากที่อื่น

- 26 ก.พ. 49 ข้อเสนอของ ส.ว.กลุ่มหนึ่ง, พรรคประชาธิปัตย์ นักวิชาการรัฐศาสตร์บางท่าน
เช่น ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ให้ขอนายกพระราชทาน

- 26 ก.พ. 49 พรรคฝ่ายค้าน(หัวหน้าพรรคคือนายอภิสิทธิ์)และพรรคร่วมรัฐบาลประกาศ
คว่ำบาตรไม่ลงเลือกตั้ง ส่วนเหตุผล ไปดูที่ ลิ๊งค์นี้แล้วกัน
แต่ถ้าถามร็อก ฟันธงว่า เลือกตั้งครั้งนึงใช้เงินไม่ต่ำกว่า หนึ่งพันสองร้อยล้าน
(3 ล้าน คูณ 400 เขต) แถมเลือกไปก็แพ้ นายทุนก้อไม่เสี่ยงเพราะไม่ได้ถอนทุน
เหตุผลของการคว่ำบาตรแบบนี้ ฟังขึ้นกว่า จริงมะ ท่านผู้อ่าน

- 5 มี.ค. 49 ถวายฎีกา ขอพระราชทาน นายก ม.7 โดยบุคคลบางกลุ่ม และในหลวงทรงบอก "ทำไม่ได้"
รายชื่อตามเวป http://www.thaimisc.com/freewebboard/php...c=3195หรือ
วิกิพีเดีย บุคคลที่มีรายชื่อในฏีกาเวลาไปไหนอย่าลืมเอาปี๊บคลุมหัวซะนะ !

- 2 เม.ย 49 เลือกตั้ง ครั้งแรก ได้ สส. เข้ามาทั้งสิ้น 462 คน และมี 38 เขตเลือกตั้งที่มี
ผู้สมัคร เพียงพรรคเดียว และได้คะแนนเสียงไม่ถึง 20 % อยากรู้ว่ามีเขตไหนบ้าง ไปหา
อ่านเอาเอง

- 5 เม.ย. 49 พันธมิตรกู้ชาติกู้ประชาธิปไตยสงขลา จัดชุมนุมใหญ่เชิญแกนนำพันธมิตร
ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยร่วมปราศรัย “หยุดระบอบทักษิณ” ท่ามกลางประชาชนจาก 14
จังหวัดภาคใต้กว่า 30,000 คน ล้นสนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต
หาดใหญ่

- 23 เม.ย. 49 เลือกตั้งครั้งที่สอง ได้ สส.เพิ่ม อีก 26 คน ไม่ผ่านเกณฑ์ 20 % อีก 12 เขต
หนึ่งในนั้นมี จ.สงขลารวมอยู่ด้วย (บ้านใครนะตะเอง ??)

- 25 เม.ย. 49 ในหลวงเสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุขวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายอักขราทร จุฬารัตน์ ประธาน
ศาลปกครองสูงสุด นำตุลาการศาลปกครองสูงสุด เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์
ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำรัส
กับประธานศาลปกครองสูงสุดและคณะ กรณีการเลือกตั้งและนายกฯ พระราชทาน
ความบางตอนว่า http://www.yenta4.com/webboard/2/197999.html

- 27 เม.ย.49 นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายถาวร เสนเนียม
รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปยังศาลปกครองเพื่อยื่นเรื่องขอให้พิจารณา
เพิกถอนการเลือกตั้งให้เป็นโมฆะ โดยแบ่งคำฟ้องออกเป็น 2 คดี คือ
วินิจฉัยเพิกถอนพระราชกฤษฏีกายุบสภาและให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.ให้เป็นโมฆะ
(เลวมั๊ยหล่ะคับ?? ท่านผู้อ่านไอ้พรรคกะจั๊วเนี่ย ! ด้านนึงส่งคนไปอยู่ในกลุ่มประท้วงเพื่อล้ม
นายกทักษิณ ด้านนึงคว่ำบาตรไม่เลือกตั้ง ด้านนึงขอนายกพระราชทาน ด้านนึงฟ้องศาล)

- 28 เม.ย. 49 มติ 3 ศาล สั่งเบรคการเลือกตั้งรอบที่สาม ไปดูที่ลิ๊งค์นี้นะ
http://www.parliament.go.th/news/news_de...?prid=2629
ซึ่งรัฐธรรมนูญ 40 กำหนดไว้ว่าเมื่อรัฐบาลพ้นวาระ(ไม่ว่าในกรณีใด) จะต้องเลือกตั้งใหม่
ภายใน 90 วัน และ เมื่อเลือกตั้งแล้ว จะต้องเปิดประชุมสภาภายใน 30 วัน
รวดเร็วทันใจปานสั่งก๋วยเตี๋ยว 27 ยื่น 28 เลิก

- 29 มิ.ย. 49 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วน
ราชการที่ทำเนียบรัฐบาล และได้กล่าวถึง ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุให้อุณหภูมิทาง
การเมือง ร้อนฉ่า

- 8 พ.ค. 49 ศาลฯ ตัดสินให้เลือกตั้ง 2 เม.ย. เป็นโมฆะ!! มติของใครบ้าง ไปอ่าน
ที่นี่ !

- 24 ส.ค. 49 เกิดคดีลอบสังหารนายกทักษิณ ด้วยคาร์บอมบ์ จับกุมผู้ต้องหาได้
2 คน และ เหตุการอื่นๆ ตามมาอีก รายละเอียด อ่านที่ ลิ๊งค์

1. http://www.azooga.com/content_detail.php?cno=602
2. http://news.sanook.com/scoop/scoop_19301.php

อ้อ สื่อต่างๆ พยายามประโคมข่าว ว่าเป็นคาร์บ๊อง !, นายกทักษิณพยายามสร้างข่าว
เพื่อเรียกร้องความเห็นใจ ทั้งๆที่ ผู้ต้องหาสารภาพ และอื่น ๆ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ
ของนายกทักษิณ
(โดยไม่ได้คำนึงถึงว่า ถ้า เกิดเหตุอย่างนั้นขึ้นมาจริง ๆ จะเกิดโศกนาฏกรรม ขนาดไหน
เนี่ยแหละจรรยาบรรณของสื่อ !)

เดือนกรกฎาคม 2549 พลเอกเปรม เริ่มออกเดินสายบรรยายพิเศษ (โดยมีนัย แอบแฝงหรือไม่ ไม่ทราบด้วย) เช่น

- 14 ก.ค. 49 บรรยายพิเศษให้นักเรียนนายร้อย จปร. ตั้งแต่ชั้นปีที่ ๑ - ๔ จำนวน ๙๐๐ นาย
ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) พูดถึงเรื่องจ๊อกกี้ เรื่องม้า อะไรนี่แหล่ะ

- 28 ก.ค. 49 บรรยายพิเศษหัวข้อ "การเสริมสร้างความเป็นผู้นำด้วยหลักคุณธรรม
ความพอเพียง และความเสียสละ" ให้คณาจารย์และนักเรียนโรงเรียนนายเรือ
ที่โรงเรียนนายเรือ จังหวัดสมุทรปราการ สรุปใจความได้คล้าย ๆกันกับวันที่ 14

- 31 ส.ค. 49 บรรยายพิเศษ เรื่อง "ตามรอยพระยุคลบาทกับการมีส่วนร่วมในการพัฒนา
ประเทศของทหารอาชีพ" ที่อาคารรณนภากาศ โรงเรียนนายเรืออากาศ มีข้าราชการ
นายทหารชั้นผู้ใหญ่ อดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูง นักเรียนนายเรืออากาศชั้นปีที่ ๑ - ๔
นักศึกษาวิทยาลัยการทัพอากาศ นักเรียนโรงเรียนเสนาธิการทหารอากาศ สรุปใจความได้
คล้าย ๆกันกับวันที่ 14 โดยใจความส่วนใหญ่ จะเน้นไปที่คำว่า "ทหารเป็นของชาติ เป็นของพระ
บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มิใช่เป็นของผู้ใดหรือกลุ่มใดกลุมหนึ่ง"

รวมไปถึงการบอกว่า "เราควรจะเคราพนับถือคนที่มีคุณธรรมซื่อสัตย์ ไม่ใช่คนที่มีเงินเพียง
อย่างเดียว"

เนี่ยหล่ะมั๊งง ??? ที่เป็นสาเหตุให้ทุกคนเข้าใจผิดว่า ในหลวงอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ
เพราะคำพูดของป๋าเนี่ยแหล่ะ (ในหลวงไม่ทรงพูดเองซักหน่อย)
เฮ้อ..! เวรกรรมประเทศไทย

- 17-21 ก.ย. 49 นายกทักษิณ เดินทางไปร่วมประชุม "UNGA" ครั้งที่ 61 ที่องค์การสหประชาชาติ

- 19 ก.ย. 49 เกิดการปฏิวัติ รัฐประหาร โดย คมช. (ที่จริงเป็น คปค.ก่อน แต่หลังจากไปหา
หมอดูมาแล้ว หมอบอกว่าชื่อนี้ไม่เป็นมงคล เลยเปลี่ยนไปเป็น คมช. แต่ร็อคอยากเรียก
ว่า "*****" อ้อ... ! แปลว่า "ใครว่าแย่" ไม่เอาน่าาาาา อย่าคิดมาก)
รายละเอียดไปดู ที่นี่ !

- 20 ก.ย. 49 ร.ต.ฉลาด วรฉัตร และ นายทวี ไกรคุปต์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ทำการประท้วงการรัฐประหารที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณถนนราชดำเนิน โดยเฉพาะ
ร.ต.ฉลาด วรฉัตร เนี่ย เป็นผู้อดข้าวประท้วงในสมัย พฤษภา 35 จนทำให้
รชส. ยุคนั้นล่มสลายไป (ไม่ใช่จำลองซักหน่อย จำลองแค่มาหยิบชิ้นปลามันไปกิน
เท่านั้นเอง ของแท้ต้องยี่ห้อ "ฉลาด"

- 20 ก.ย. 49 เครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหาร ได้ถูกก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวกันของนักเคลื่อนไหวที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ

วัตถุประสงค์เพื่อ

1.ไม่เห็นด้วยกับการก่อรัฐประหาร
2. รัฐบาลชุดนี้ไม่มีความชอบธรรม เนื่องจากเป็นรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
3. เรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้ง ก่อนการปฏิรูปการเมือง
เพราะในบรรยากาศทางการเมืองที่เป็นเผด็จการ โดยเฉพาะในช่วงที่ยังใช้กฎอัยการศึกนี้
ทำให้ประชาชนไม่สามารถมีส่วนร่วมทางการเมืองได้อย่างเต็มที่
หากจะมีการปฏิรูปก็เพียงการปฏิรูปของชนชั้นปกครองเพียงเท่านั้น ไม่ใช่การปฏิรูปโดยประชาชน
ที่มา: วิกิพีเดีย

ส่วนใครอยากรู้ นปก, นปช เกิดขึ้นอีตอนไหน ไปค้นเอาใน ลิ๊งค์ข้างบนแหล่ะ แต่ที่รู้ๆนะ
ร็อครู้จักกับกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการก่อน และต่อมาลามมาเป็น คนวันจันทร์, อังคาร,
พุธ,ศุกร์ (ครบ 7วัน เรยไม่มีใครเอาทั้งนั้น) และแปลสภาพมาเป็น นปก. พีทีวี และอื่น ๆ
อีกมาย โดยสัญญลักษณ์คือ สีแดง (หมายถึงชาติ) ส่วนสโลแกน ไม่รุจะสู้เพื่อใคร
เพราะ "ในหลวง" ถูกพวกเสื้อเหลืองยึดครองไปแล้วววว (สโลแกนเค้าคือ "เราจะสู้เพื่อ
ในหลวง") เสื้อแดงเลยบอก "เราจะสู้เพื่อประชาธิปไตย" (อันนี้ร็อคเห็นด้วย)

- 30 ก.ย. 49 ลุงนวมทอง ขับแท็กซี่ ชนรถถัง (เป็นข่าวเล็กนิดเดียว เพราะสื่อชั่ว)
ดูที่นี่ก้อได้ http://hilight.kapook.com/view/2825

- 30 ก.ย. 49 คปค. ลงนามแต่งตั้ง คตส. เพื่อทำการตรวจสอบเฉพาะ นายกทักษิณ
เท่านั้น ! ใครเป็น ดูใน ลิ๊งค์นี้ ดูมันทำ เอางบประมาณของชาติ มาตั้งคนหลายคน มารุมคน
คนเดียว หึ หึ ยุติธรรมดีมาก เพราะ ที่อยู่ในนั้น โจทย์ นายกทั้งนั้นเลย

- 1 ต.ค. 49 คปค. แต่งตั้ง พลเอก สุรยุทธ์ เป็น นายก คนที่ 28
(ตามคำทำนาย ของจ่ายักษ์ โฮ่ โฮ่ เก่งกว่า หมอดูซะอีก)

ผลงานชิ้นโบว์แดงขณะดำรงตำแหน่ง

* ยกเลิกหวยบนดิน (ซึ่งทำรายได้ให้กับรัฐ อย่างน้อย หกพันล้านบาทต่อเดือน)
และตอนนี้ ล็อตเตอรี่ ขายแพง ฉิบ !!! เพราะไม่มีคู่แข่ง

* ยุบ ไอทีวี ทีวี เจ้าปัญหาที่ทำให้ รัฐบาลเสียศูนย์ เนื่องจากเสนอข่าว เอียงเกินไป
(ไม่เข้าข้างรัฐบาล) และ พรรคพวก (พธม.)อยากได้

ส่วนผลงานอื่น ๆ อยากรู้ เข้า กูเกิ้ล พิมพ์คำว่า "ผลงาน รัฐบาลขิงแก่"

- 31 ต.ค. 49 (กลางคืน) ลุงนวมทองคนเดิม ผูกคอตายใต้สะพานลอย เพื่อลบคำสบประมาท
จากใครบางคนใน คปค. เรื่อง "อุดมการ์ณไม่มีอยู่จริง" ขอให้ลุงนวมทองไปสู่สุคติ และการ
กระทำของลุงไม่สูญเปล่าแน่นอน ....

- 18 พ.ย. 49 ประชาชนและนักศึกษาเดินขบวนประท้วงขับไล่ คปค. จากสนามหลวงไปตาม
ถนนราชดำเนินตอนนั้นยังไม่เป็นเสื้อแดงนะครับ ยังเป็นเสื้อดำอยู่ อิ๊ อิ๊


- 31 ธ.ค. 49 เกิดเหตุระเบิดกลางกรุงเทพมหานคร ในเวลาไล่เลี่ยกัน ถึง 7 แห่ง มีผู้เสียชีวิต
3 คน และบาดเจ็บ 43 คน สนธิ ฟันธงทันที (หรือก่อนระเบิดก้อไม่รุ) ว่าฝ่ายที่สนับสนุนทักษิณ
อยู่เบื้องหลัง สอบไปสอบมา ไหงดันไปโผล่แถวลพบุรี แล้วก็เงียบ...! สรุป ตายฟรี กับเจ็บฟรี
อ้อ มีค่าทำขวัญนิดหน่อย... (ได้ครบยังก้อไม่รุ !!!)

ปี 2550
- 1 ม.ค. 50 ในหลวง มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ตามมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2549
โดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ประธานสสร. คือ นายนรนิติ เศรษฐบุตร และประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้แก่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ รายชื่อ สสร ดูที่ http://webboard.mthai.com/16/2006-12-18/290148.html

วิธีการคัดเลือกทำดังนี้

1. ในหลวง แต่งตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติจำนวน 1,982 คน ในวันที 9 ธ.ค. 49
(ไม่รุใครส่งรายชื่อไป)
2. 17 ธ.ค. 49 สมาชิกคัดเลือกกันเอง เหลือ 200 คน
3. 18 ธ.ค. 49 คมช. คัดเลือกจาก 200 คน เหลือ 100 คนเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 50

การกลั่นกรองขนาดนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่า สสร. ต้องเป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือเป็นที่สุด
แต่แปลกใจตรงที่ว่า สสร.50 บางท่านมีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้ขอนายกพระราชทาน ตาม
มาตรา 7 บางท่านหลังจากนั้นก็ไปเป็น กกต จนเป็นสาเหตุทำให้พรรคการเมืองบาง
พรรคถูกยุบพรรคและถูกยุบซ้ำซาก บางท่านก็ไปเป็น สว.ที่มาจากการสรรหา

บางท่านก็มีนามสกุลเดียวกับ บุคคลผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคมช.
บางท่านให้คำจัดกัดความคำว่าลูกจ้าง ตามพจนานุกรม จนทำให้ คุณสมัครต้องตกงาน !
น่าแปลกที่ใครคนนั้น เป็น หนึ่งในตุลาการรัฐธรรมนูญที่ยุบพรรคไทยรักไทยในเวลาต่อมา

ไชโย...! ประเทศไทยมีประชาธิปไตยเต็มใบแล้ววุ้ย.... แถมรัฐธรรมนูญต้องคุณภาพคับแก้วอีกด้วย....! กั่ก กั่ก กั่ก

- 12 ก.พ. 50 คตส. มีมติส่งชื่อนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร
และนางกาญจนาภา หงษ์เหินต่ออัยการสูงสุดเพื่อสั่งฟ้องศาลภาษีฐานจงใจเลี่ยงภาษีซื้อขายหุ้น
เป็นคดีแรก (เอากันให้ตายไปข้างนึง)

- 14 ก.พ. 50 รายการยาม เฝ้าแผ่นดินเริ่มออกอากาศเป็นครั้งแรกที่ ช่อง 11 ด้วยการสนับสนุนของพล.เอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ รองศาสตราจารย์ ดร. ธีรภัทร เสรีรังสรรค์ (รัฐมนตรี
ประจำสำนักนายกฯ ขณะนั้น)

- 26 ก.พ. 50 คมช. ใช้งบปชส.(เชิงลึก) เพื่อใช้ในการตอบโต้ และ ปลุกระดมมวลชนใน อินเทอร์เนต จนเป็นที่มาของคำว่า "2.4" โดยใช้งบไปทั้งสิ้น 12 ล้านบาท (3เดือน 12ล้าน น้อย
ไปมั๊ยเนี่ย ?) อยากรู้ ถาม เชียรช่วงดูเด่ะ

- 27 ก.พ. 50 มติ คณะรัฐมนตรี ขิงแก่ให้ยกเลิกสัมปทานกับ ไอทีวี เพราะไอทีวีไม่จ่ายค่า
สัมปทานมูลค่า 1 แสนล้านบาทให้แก่รัฐ ปิดจริง วันที่ 7 มี.ค 51 ความเป็นมาของไอทีวี ลองดูที่นี่ นะครับ http://downmerngnews.blogspot.com/2008/01/itv.html คงไม่
แปลกใจนะ ทำไมถึงรีบยุบไอทีวีแทนที่จะ เรียกค่าปรับ งานนี้ รัฐเสียเปรียบ (ไม่รุไปคุยอะไรกับ
นายสนธิ ไว้)

- 28 ก.พ. 50 หยุดออกอากาศหลังจากสร้างความไม่พอใจให้รัฐมนตรีบางคน จนนายกฯ เกิดความอึดอัด

- 2 มี.ค. 50 คณะกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์ไอทีวีชุดใหม่จำนวน 9 คนประชุมเป็นนัดแรก
มีมติเปลี่ยนชื่อสถานีเป็น ทีไอทีวี (Thailand Independent Television) และประชุมหา
ข้อยุติเรื่องกฎหมายและแผนดำเนินงานเข้าบริหารสถานีในวันที่ 7 มี.ค.

- 1 มี.ค. 50 แถลงข่าว เรื่องการออกอากาศของสถานี พีทีวี โดยนายวีระ นายจักรภพ นายจตุพร และ นายณัฐวุฒิแต่เมื่อถึงเวลาออกอากาศกลับไม่สามารถออกอากาศได้ เนื่องจาก บริษัท
กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เจ้าของโครงข่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ไม่ยอม
เชื่อมต่อโครงข่ายโดยอ้างเหตุผลว่า พีทีวียังไม่ได้ทำเรื่องขอใช้บริการ จึงไม่สามารถเชื่อมต่อ
สัญญาณได้ (สงสัย อยู่หลังเขาครับ อะไรมันถึงได้ไม่ราบรื่นฉุกละหุกไปหมด) สรุปคือ "จอดำ"

- 2 มี.ค. 50 มีการเปิดเว็บไซต์ hi-thaksin.net (เปิดอย่างเป็นทางการ ใน"วันนักข่าว"
วันที่ 5 มี.ค. 50 ปัจจุบัน web นี้ปิดไปแล้ว) เนื้อหาหลักของเวปส่วนใหญ่ จะอยู่ที่การติดตามข่าวสารของ นายกทักษิณว่าเป็นอยู่อย่างไร ทำอะไรที่ไหน และ ต่อต้าน รัฐบาลเผต็จการ ทุกรูป
แบบคอลัมน์นิสชื่อดังของ เวป คือ "ประดาบ" และ "อาคม ซิดนีย์" (ความเห็นร็อคเอง ก่อนมา
ประชาไท ร็อคก็มักจะแวะไปสถิตอยู่ที่ เวปนี้)

- 6 มี.ค. 50 ครม.มีมติให้สถานีโทรทัศน์ไอทีวีอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมประชาสัมพันธ์เป็นการชั่วค​ราวโดยการดำเนินการด้านกฎหมายจะต้องรอคำปรึกษาจากสำนักงานกฤษฎีกาซึ่งจะ
ให้คำตอบภายในวันที่ 9 มี.ค.โดยจะต้องมีการขนย้ายอุปกรณ์ออกจากอาคารชินวัตร ซึ่งส่งผลให้
ไอทีวีต้องหยุดการออกอากาศเป็นการชั่วคราว

- 17 มี.ค. 50 พีทีวีนำรายการบางส่วนที่ไม่สามารถออกอากาศในวันที่ 1 มี.ค มาออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็มวีทีวี ช่อง 1 สตาร์ แชนแนลแต่ระหว่างออกอากาศรายการสด เพื่อนพ้อง
น้องพี่ พีทีวีเพื่อประชาชน ที่ดำเนินรายการโดยผู้บริหารทั้ง 4 คน สัญญาณดาวเทียมก็ขาดหาย
ไปเชื่อกันว่าผู้มีอำนาจเผด็จการในเวลานั้น ใช้อำนาจทางทหารของตน สั่งการให้หน่วยทหารสื่อ
สารส่งคลื่นรบกวนสัญญาณดาวเทียมของพีทีวี

โดยเนื้อหาที่ออกอากาศในวันนั้น

1. ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง
2. ต่อต้านการรัฐประหาร และเผด็จการทหารทุกรูปแบบ (ซึ่งในขณะนั้น หมายถึงคมช.)
3. ต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาลประชาธิปไตย
แต่กลับนิ่งเฉยต่อรัฐบาลที่มาจากเผด็จการทหาร
4. ตั้งคำถามถึงการแสดงออกของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่แสดงออกทางการเมือง
แบบเลือกข้างซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สำหรับบุคคลที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธาน
องคมนตรีและรัฐบุรุษด้วย

- 23 มี.ค. 50 พีทีวี ตั้งเวที่ปราศรัยที่ท้องสนามหลวง วัตถุประสงค์ ดัง 4 ข้อข้างบนที่กล่าวมาท่ามกลางผู้ร่วมฟังการปราศรัย มากกว่า 30,000 คน (ขนาดตอนนั้นคนยังไม่ค่อยรู้เท่าไหร่นะ
เพราะไม่ค่อยเป็นข่าว) วันนั้นมีการ ตรึงกำลังจากทาง ตำรวจ (จากสน. ต่าง ๆ)ถึง พันกว่านาย
(โหด เลว ดี เจง ๆ ไอ้ขิงแก่ เนี่ย)

-25 มี.ค. 50 สายการบินภายในประเทศ 3 สาย (การบินไทย, นกแอร์, วัน-ทู-โก) ย้ายไปทำการบินที่ สนามบินดอนเมืองโดยก่อนหน้านั้นมีการโจมตี เรื่อง "รันเวย์ร้าว" และ ยืนการต้องปิด
สนามบินสุวรรณภูมิ โดย พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียนประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและ
ติดตามการแก้ไขปัญหาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งตอนนี้ ท่านนายพล ไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน
เนื่องจากต้องช้ำใจ หลังจากถูกพวกเดียวกัน หักหลัง "ท่านนายพลครับ ร๊อค อยากหัวเราะเป็น
ภาษาเสปนว่ะ... " ทำงานแทบตายเป็นหนังหน้าไฟจน เกือบต้องถูกสอบวินัยสุดท้ายต้องมานั่ง
ร้องไห้ขี้มูกโป่ง เพราะไม่ได้เป็น "ปลัดกระทรวงกลาโหม" เอิ๊ก เอิ๊ก เอิ๊ก เพื่อนรักหักเหลี่ยม
โหด ! แต่....... โค-ตะ-ระ เซ็งเรยว่ะ จะไปไหนทีต้องนั่งเครื่องจาก ตจว. มาลงดอนเมือง
นั่งแท็กซี่จากดอนเมืองไปสุวรรณภูมิ (ค่าแท็กซี่มหาโหด) และนั่งเครื่องไป ตปท.ขากลับ นั่ง
เครื่องบินจากตปท. มาลงสุวรรณภูมินั่งแท็กซี่จากสุวรรณภูมิไปดอนเมือง(ค่าแท็กซี่มหาโหด
เหมือนเดิม) นั่งเครื่องจากดอนเมืองกลับบ้าน ทำไมไม่ทำให้มันง่ายวะ ไอ้เชี่ย...! มรึงจะเล่น
นายกทักษิณให้ได้ แต่ชาวบ้าน(อย่าง ku) เดือดร้อน แล้วใครเค้าจะเชื่อมรึง ?

สรุป.... "Nothing in the bamboo" (เรื่องสนามบิน) ไอ้ฟายเอ๊ยยยย ! (อุ๊บ..! ขอโทษ
พูดจาม่ายสุภาพ...) คตส. เรยรอเก้อ.. หึหึ

ส่วนคดี ทุจริตCTXไปดูเอาเอง ว่าเป็นยังไง
สุดท้ายก็เหมือน สนามบินแหล่ะครับ ป่านนี้ ยังฟ้องไม่ได้ เรยยย (ปีนี้ 52 แล้วนะ)

-30 มี.ค. 50 พีทีวี เปิดเวทีปราศัยโจมตีเผด็จการอีกครั้ง แต่คราวนี้ เปิดเวทีที่ลานคนเมือง เนื่องจาก ท้องสนามหลวงใช้ไม่ได้เพราะผู้ว่าและ ผู้การนครบาล ไม่ให้ใช้ เนื่องจาก ใกล้วัน
เชงเม้ง (อันนี้ร็อกพูดเองนะ เอิ๊ก เอิ๊ก เอิ๊ก) นับผู้ฟังปราศรัย ได้ 4000 คน ข่าวบอก
แต่ขอโทษ เต็มลาน คนเมืองเลยว่ะ สงสัย สื่อสมัยนั้น มันตกเลขแหง ๆ

-4 เม.ย. 50 ด.ร. สิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีกระทรวง ICT ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ ยอมรับ
สั่งบล็อกยูทูบทั้งเว็บไซต์หลังได้พยายามขอความร่วมมือกูเกิลหลายครั้งในสัปดาห์ที่แ​ล้ว ให้นำ
คลิปตัดต่อหมิ่นพระบรมฉายาลักษณ์ออกไม่เป็นผลสำเร็จแต่จริงๆแล้ว มันบล๊อกเรียบ เวปที่เป็น
ฝั่งของคนเสื้อแดงในสมัยนั้น (hi-thaksin เข้าไม่ได้เรย วิทยุชุมชนคนรู้ใจก้อโดนสอยแต่
เฮอะ เฮอะ มีหรือ.... สิงห์คอมพ์ อย่างพวกเราจะแพ้ ด็อก ก้อ ด็อกเหอะ สุดท้ายก้อบล็อกไม่
อยู่ ใช่มั๊ยครับ??? ท่านด็อกฯ)

-8 เม.ย 50 พีทีวี + เครือข่าย 12 องค์กรประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวทีเดียวกัน ที่ท้อง
สนามหลวง อันเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมตัวกันเป็น แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (ชื่อ
ย่อ: นปก.) (ปัจจุบันคือ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ชื่อย่อ: นปช.) แต่
ครั้งนั้นดูจะไม่ค่อยจะราบเรียบซักเท่าไหร่ เพราะ มีทั้ง กลุ่มที่ รักทักษิณ และเกลียดเผด็จการ
และ กลุ่มที่ไม่เอาทักษิณ (ไม่ได้เกลียดแต่ไม่เอา) แต่เกลียดเผด็จการ ขึ้นไปอยู่บนเวทีเดียว
กัน ร่ำๆ จะตีกัน ก้อหลายที เรยทำให้ไม่ค่อยเข้มแข็งเท่าที่ควร ประชาชนข้างล่าง(รวมทั้งร็อค
ด้วย) ก้อเรยเซ็งนิดหน่อย แต่ทีหลัง ก้อ เอานายกทักษิณหมดแหล่ะ

เหตผล: ปชช. ที่มาฟังปราศรัย (เกือบทั้งหมด) เค้ารักนายกทักษิณ คุณไม่เอา คุณก้อเป็นแกน
นำไม่ได้เพราะไม่มีมวลชนของตัวมาสนับสนุน จริงมั๊ย ??? แกนนำ (ร็อค ฟันธงเปรี้ยง !)

-8 เม.ย 50 ทั่นด็อก คนเก่งของเรา อ้างว่ารู้ตัวคนเผยแพร่เวปหมิ่นใน Youtube เรยสั่งปิด pantip.com ด้วย (ไม่รุมันเกี่ยวกันตรงไหน) และหลังจากนั้นมา พันธุ์ทิพย์ก้อเปี๊ยนไป๋
หลายๆ คนในนั้น ถูกยึดอมยิ้ม (รวมทั้งร็อคด้วย) เค้าหาว่า ร็อคพูดจามะสุภาพ ร็อคไปโพสต์
เรื่อง อะไรน๊า เด๋วนึกก่อน.... อ้อ.... เรื่องสนธิ บัง เรื่องหม้ออะไรเนี่ยแหล่ะ จำม่ายค่อยด้าย
ทำนองว่า มีเมียตั้ง 3 คน จดทะเบียนซ้อนอีกตะหาก เป็นข้าราชการทำผิดวินัย แต่ไม่ปลดตัว
เอง อะไรหม้อ หม้อ เนี่ยแหล่ะ อ้อ.. เรื่องตุ๊ดเฒ่าด้วย ม่ายเกี่ยวกับป๋าซักหน่อย อิ๊อิ๊ (เนี่ยขนาด
จำม่ายค่อยได้นะเนี่ย) มรึงยึดก้อยึดไป กรูมั่ยง้อ ตั้งแต่นั้นมาก้อเรยไม่เคยย่างกรายไปที่นั่นอีก
เรย และย้ายมาอยู่ ปชท. ตั้งแต่ บัดเดี๋ยวนั้น ! (น่าจะนะ) ปชท. จงเจริญ... ชัยโย้....!

คัดจาก IF

ฟ้าเริ่มสีดำหมอง..

“รัฐบาลในฝัน” กับ “ฝันของคนที่จะเป็นรัฐบาล” คล้ายว่าจะมีการเลือกตั้งจริงๆ

แต่ข่าวทั้งลับและไม่ลับออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีการเลือกตั้ง
มาถึงจุดนี้ ประเด็นการเลือกตั้งถูกเปลี่ยนไป กลายเป็นประเด็นใหม่ ใครจะมาเป็นรัฐบาลกันแน่

ทราบกันดีสำหรับประเทศไทย หวยล็อกมาตั้งแต่แรก รัฐบาลต้องไม่ใช่พรรคเพื่อไทย ส่วนจะเป็นใครนั้นแล้วแต่สถานการณ์จะพลิกผัน
เช่น..ถ้ามีการเลือกตั้งขึ้นมาจริงๆ โกงกันแล้ว พรรคเพื่อไทยยังฝ่าด่านทะลุขึ้นมามีเสียงมากที่สุด แต่ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของ สมาชิกสภาฯทั้งหมด อันนี้ไม่ต้องกังวน พรรคเพื่อไทยถูกเขี่ยให้ไปนั่งประดับสภาฯเป็นฝ่ายค้านแน่นอน
แต่..ถ้าโกงแล้ว พรรคเพื่อไทยดันทะลึ่งมีเสียงเกินครึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาฯทั้งหมด ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ อันนี้น่าคิด ว่าพรรคเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลได้หรือเปล่า

มีสองอย่างที่เซียนการเมืองวิเคราะห์กัน
1.ทหารปฏิวัติแน่นอน
2.ตามรอยในอดีต พรรคอาจต้องโดนยุบอีกครั้งและจะโดนงูเห่าภาค3เข้ามาเยือน เหมือนเดิมทุกประการ แต่ต้องใช้เวลาซักหน่อย

มีอยู่อีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวแปรสำหรับการเมืองไทย พวกเราทุกคนทราบกันดีแต่เขียนออกมาเป็นภาษาเขียนยากมาก นั่นก็คือ การเปลี่ยนแปลงองค์พระประมุข จะด้วยเหตุแห่งอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามีเหตุนั้นเกิดขึ้นการเมืองเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
เหตุเพราะ กำลังทหารที่คุมอำนาจในประเทศไทยอยู่ จะระส่ำวุ่นวาย หันซ้ายหันขวาจะฟังคำสั่งจากใครแน่ เพราะทุกขุมกำลัง เหมือนว่าเบ็ดเสร็จแต่แท้จริงมันแทงกั๊กกันเอง อำนาจที่สั่งตรงจะมีคำสั่งที่ซับซ้อนอีกมากมาย จนไม่รู้ว่าอะไรคือของจริง และไม่รู้ว่าใครคือผู้สืบทอดฯตัวจริงกันแน่ ใครแทงหวยถูกก็ถูกกันไป ใครแหงหวยผิดชีวิตอาจดับสิ้นเหมือนกัน
ถ้า..มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ให้ลืมเรื่องนักการเมืองไปได้เลย ไม่มีแน่นอนที่นายกรัฐมนตรีจะมาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าใครทั้งนั้น มีแต่ผู้ปกครองประเทศที่เป็นทหารหรือทหารแต่งตั้งมาเท่านั้นส่วนจะเป็นทหารสายสีอะไรก็ว่ากันอีกที หรืออาจจะเป็นนายกฯวันนี้แต่พรุ่งนี้ไม่ใช่ซะแล้วแบบนี้ก็เป็นไปได้

เอาเป็นว่า เรื่องโฉมหน้ารัฐบาลในปีพศ.2554นี้หลังการเลือกตั้ง มันยังสับสนว่าใครจะมาเป็นก็แล้วกัน มีปัจจัยแปรเปลี่ยนตลอดเวลา แต่ ฟันธงไปได้เลยเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน

นโยบายต่างๆที่โหมโรงกันโฆษณาอย่าหวังว่าจะได้เกิด “ดับรัฐบาลในฝันไปได้เลย” ไม่มีอีกแล้ว บัตรเครดิตชาวไร่ชาวนา เรียนฟรีนักเรียนถือโน้ตบุ๊คไปโรงเรียนทุกคน 30บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้านเพิ่มเป็นสองล้านบาท ค่าแรง 300 จบ ป.ตรีได้15000 ฯลฯ
แต่..สิ่งที่จะเกิดมีแน่ๆหลังมีรัฐบาลชุดใหม่ ที่ไม่มีนักการเมืองมาจาการเลือกตั้ง

1.ขึ้นภาษีทุกชนิดแบบทางตรงและทางอ้อม (เอามาใช้หนี้และซื้ออาวุธ ที่ผลาญกันมา4ปีไม่รู้กี่ล้านล้านบาท)
2.สินค้าทุกชนิดมีราคาแพง ไข่อาจจะใบละ10บาทขึ้นไปก็เป็นไปได้
3.มีคนล้มละลายเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล(ซื้อบ้านซื้อรถกันไปแล้วแต่เงินเดือนไม่พอใช้)
4.ยาเสพติดจะระบาดไปทั่ว แม้แต่ในโรงพัก โรงพยาบาล ยังหาซื้อได้อย่างสะดวกง่ายดาย
5.อาชญากรรมสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว
6.ทุกวงการทุจริตอย่างเปิดเผย คล้ายว่าจะถูกกฎหมาย
7.ธุรกิจหลายชนิดโดยเฉพาะการท่องเที่ยว การโรงแรมเจ้งทั้งหมด
8.เด็กจะเข้ามาสู่ภาคแรงงานมากเพิ่มขึ้น ไม่มีโอกาสได้ไปโรงเรียนเหมือนเช่นอดีต
ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงที่กำลังจะเกิด กับประเทศที่มีชื่อว่า “ประเทศไทย”

มาถึงคำถาม ที่คนที่อ่านมาถึงตอนนี้อยากรู้ “คนเสื้อแดงอยู่ที่ไหนตอนนั้น?”
คำตอบ..หัวขบวนส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ เพราะลี้ภัยได้สบายเนื่องจากมีการยึดอำนาจขึ้นในประเทศ ส่วนที่เหลืออยู่ในคุกและบางคนไม่มีอากาศเข้าไปเลี้ยงในปอด
คนเสื้อแดงที่เหลือ ประชาชนก็คือประชาชนเพราะแค่มุ่งแต่ทำมาหากินก็เหนื่อยมากแล้ว ชาวไร่ชาวนาก็รับกรรมกันต่อขายข้าวไปร้องไห้ไป กลับไปเป็นไพร่ที่ต้องก้มหัวให้เจ้านายต่อไปเหมือนเดิม หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน หัวสู้ลูกปืน
ทั้งหมดนี่แหละคือ “ฝันของคนที่จะก้าวขึ้นเป็นรัฐบาล”ต่อไป

อ่านจบแล้ว คงมีคนไม่เห็นด้วยมากมาย
แต่..ให้จดเอาไว้เมื่อถึงวันนั้นแล้วค่อยมาคุยกันอีกที ถ้าแม้ว่าท่านยังรักษาชีวิตตนเองไว้ได้

เมื่อ..“ฟ้าเริ่มสีดำหมอง รำไร จัญไรจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”


ข่าวดีก่อนจบ

คนที่ขี่ม้าขาวมาช่วยวิกฤติของคนจน ไม่ได้มาจากไหนเลย คือคนมีสีอีกเหมือนกันแฝงอยู่ในแวดวงศ์เทวดานางฟ้าทั้งหลายนั่นเอง ยืนยันว่าไม่ได้ชื่อพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร คนคนนั้นมีบารมีมากกว่าท่านทักษิณอีก

แต่..ข่าวร้ายคือ คนๆนั้นอาจจะอยู่ได้ไม่นาน เมื่อถึงเวลาอำนาจจะกลับมาเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
นับไปได้เลยจากปี2549-2559 สิบปีพอดี ประเทศไทยพ้นภัย.....

โดย..อ่างขาง

คัดจากเว็บไซต์ Internet Freedom
http://www.internetfreedom.us/thread-23390.html

เหยื่อ 112

วันจันทร์, พฤษภาคม 09, 2011

ทหารกดดันตำรวจออกหมายเรียกสมศักดิ์ เจียมฯรับข้อหาหมิ่นวันพุธนี้ ทนายดักคออย่าหาเหตุยัดคุก



Image has been scaled down 37% (640x427). Click this bar to view original image (1008x672). Click image to open in new window.

กรณีอ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล การเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ย่อมเป็นการแสดงถึงเจตนาอันบริสุทธิ์ในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งก็มิได้มีพฤติการตามกฎหมายที่จะควบคุมตัว หรือขังไว้ระหว่างสอบสวน จึงต้องถือว่า ไม่มีเหตุที่จะออกหมายขังตามกฎหมาย ทั้งนี้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐ ดังนั้นพนักงานตำรวจจึงไม่สามารถร้องขอต่อศาลเพื่อขอออกหมายขังระหว่างสอบสวนได้ ( แต่หากเป็นกรณีที่เรียกโดยมีหมายจับรอไว้อยู่แล้ว คงต้องมานั่งด่าตำรวจกันต่อไป)-ทนายอานนท์ นำภา

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
9 พฤษภาคม 2554

เว็บไซต์ประชาไท รายงานว่า นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะไปรับทราบข้อกล่าวหาที่กองทัพบกยื่นฟ้องในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ สน.นางเลิ้ง ในวันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2554 เวลา 10.00 น.

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 เม.ย. นายสมศักดิ์ ได้แถลงข่าวกรณีมีการคุกคาม หลังร่วมอภิปรายเรื่อง สถาบันกษัตริย์-รัฐธรรมนูญ-ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 ที่ม.ธรรมศาสตร์ โดยมีนักวิชาการ นักกิจกรรมจำนวนมาก ออกแถลงการณ์ให้กำลังใจนายสมศักดิ์ และเรียกร้องให้รัฐหยุดคุกคามเสรีภาพของประชาชน







ทนายอานนท์ นำภา ซึ่งเป็นทนายความให้กับผู้ต้องหาคดีมาตรา112หลายราย เขียนบทความเรื่อง ออกหมายเรียก อ.สมศักดิ์ : คำถามและคำตอบตามกระบวนการยุติธรรมแบบไทย ๆในเวบไซต์สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ ดังต่อไปนี้

มีคำถามจากทางท่านที่สนใจในข้อกฎหมายว่า คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ใครคือผู้ที่สามารถฟ้อง หรือแจ้งความร้องทุกข์ได้บ้าง และ การออกหมายเรียกของตำรวจ สามารถทำได้หรือไม่ อย่างไร และผู้ที่ถูกเรียกมีโอกาสถูกควบคุมตัวหรือไม่

ผู้เขียนในฐานะทนายความขออนุญาตอธิบายถึงข้อกฎหมายคร่าวๆ สำหรับท่านที่สนใจ และน่าจะเป็นประโยชน์ต่อกรณีการออกหมายเรียกหรือหมายจับรวมถึงน่าจะเป็นข้อถกเถียงถึ​งความชอบธรรมของการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าพนักงานตำรวจต่อไป

Q : คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ คืออะไร ใครสามารถแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดดังกล่าวได้บ้าง

A : คดีที่เราเรียกกันว่าคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แท้ที่จริงก็คือ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี” ซึ่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน(ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัวที่สามารถยอมความได้)

ดังนั้น หากผู้ใดพบเห็นว่ามีการกระทำความผิดก็สามารถแจ้งความ(กล่าวโทษ) ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายได้

จากข้อเท็จจริงกรณีอ.สมศักดิ์ น่าจะเป็นกรณีที่กองทัพเข้าแจ้งความ(กล่าวโทษ) ว่า อ.สมศักดิ์ ได้กระทำความผิดในข้อหา “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ไม่ใช่การ “ฟ้อง” ตามที่เป็นข่าว

หมายเหตุ : กลุ่มนิติราษฎร เสนอให้แก้ไขประมวลกหมายอาญามาตรา ๑๑๒ โดยให้ผู้มีอำนาจกล่าวโทษเปลี่ยนจากบุคคลทั่วไปเป็นสำนักราชเลขาธิการ ดูเพิ่มใน http://www.enlightened-jurists.com/blog/27

Q : เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือตำรวจได้รับแจ้งความ(กล่าวโทษ) แล้ว จะดำเนินการอย่างไร

A : เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือตำรวจได้รับแจ้งความ(กล่าวโทษ) แล้ว ก็จะดำเนินการสืบสวนตามกฎหมายและมีอำนาจที่จะนำตัวผู้ที่ถูกกล่าวหามาสอบสวน ๒ ประการคือ ๑.มีหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาและทำการสอบสวน (ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๕๒) ซึ่งหมายเรียกนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือและมีข้อความดั่งต่อไปนี้

(1) สถานที่ออกหมาย
(2) วันเดือนปีที่ออกหมาย
(3) ชื่อและตำบลที่อยู่ของบุคคลที่ออกหมายเรียกให้มา
(4) เหตุที่ต้องเรียกผู้นั้นมา
(5) สถานที่ วันเดือนปีและเวลาที่จะให้ผู้นั้นไปถึง
(6) ลายมือชื่อและประทับตราของศาล หรือลายมือชื่อและตำแหน่ง เจ้าพนักงานผู้ออกหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๕๓ ซึ่งเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานสามารถออกได้เองโดยไม่ต้องร้องขอต่อศาล

หรือ ๒. หากเห็นว่ามีเหตุในการออกหมายจับ ก็สามารถร้องขอต่ออศาลให้ศาลออกหมายจับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๖๖ ซึ่งบัญญัติว่า ” เหตุที่จะออกหมายจับได้มี ดังต่อไปนี้

(1) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี หรือ
(2) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจ​ะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น

ถ้าบุคคลนั้นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือไม่มาตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร ให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนี”

หมายเหตุ : ในทางปฏิบัติ หากเป็นความผิดที่มีโทษทางอาญาตั้งแต่ ๓ ปีขั้นไป ตำรวจมักร้องขอต่อศาลให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเลย โดยไม่มีการออกหมายเรียก และแนวคำวินิจฉัยของศาลก็มักจะตีความว่าสามารถกระทำได้

Q : เมื่อมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับแล้ว กรณีที่มีการออกหมายเรียกแล้วผู้ถูกกล่าวหามาแสดงตัวต่อพนักงานตำรวจ พนักงานตำรวจจะดำเนินการอย่างไร

A : เมื่อผู้ถูกกล่าวหามาแสดงตนต่อพนักงานตำรวจ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา มาตรา ๑๓๔ ซึ่งบัญญัติว่า ” เมื่อผู้ต้องหาถูกเรียก หรือส่งตัวมา หรือเข้าหาพนักงานสอบสวนเอง หรือปรากฏว่าผู้ใดซึ่งมาอยู่ต่อหน้าพนักงานสอบสวนเป็นผู้ต้องหา ให้ถามชื่อตัว ชื่อรอง ชื่อสกุล สัญชาติ บิดามารดา อายุ อาชีพ ที่อยู่ ที่เกิด และแจ้งให้ทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำที่กล่าวหาว่าผู้ต้องหาได้กระทำผิด แล้วจึงแจ้งข้อหาให้ทราบ

การแจ้งข้อหาตามวรรคหนึ่ง จะต้องมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้นั้นน่าจะได้กระทำผิดตามข้อหานั้น

ผู้ต้องหามีสิทธิได้รับการสอบสวนด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรม

พนักงานสอบสวนต้องให้โอกาสผู้ต้องหาที่จะแก้ข้อหาและที่จะแสดงข้อเท็จจริง อันเป็นประโยชน์แก่ตนได้

เมื่อได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ถ้าผู้ต้องหาไม่ใช่ผู้ถูกจับและยังไม่ได้มีการออกหมายจับ แต่พนักงานสอบสวนเห็นว่ามีเหตุที่จะออกหมายขังผู้นั้นได้ตาม มาตรา 71 พนักงานสอบสวนมีอำนาจสั่งให้ผู้ต้องหาไปศาลเพื่อขอออกหมายขังโดยทันที แต่ถ้าขณะนั้นเป็นเวลาที่ศาลปิดหรือใกล้จะปิดทำการ ให้พนักงานสอบสวนสั่งให้ผู้ต้องหาไปศาลในโอกาสแรกที่ศาลเปิดทำการ กรณีเช่นว่านี้ให้นำ มาตรา 87มาใช้บังคับแก่การพิจารณาออกหมายขังโดยอนุโลม หากผู้ต้องหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานสอบสวนดังกล่าว ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจับผู้ต้องหานั้นได้ โดยถือว่าเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วนที่จะจับผู้ต้องหาได้โดยไม่มีหมายจับ และมีอำนาจปล่อยชั่วคราวหรือควบคุมตัวผู้ต้องหานั้นไว้”

Q : กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาเข้าพบพนักงานตำรวจ ตำรวจมีอำนาจควบคุมตัวได้หรือไม่

A : จากบทบัญญัติมาตรา ๑๓๔ วรรคท้ายที่บัญญัติว่า “เมื่อได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ถ้าผู้ต้องหาไม่ใช่ผู้ถูกจับและยังไม่ได้มีการออกหมายจับ แต่พนักงานสอบสวนเห็นว่ามีเหตุที่จะออกหมายขังผู้นั้นได้ตาม มาตรา 71 พนักงานสอบสวนมีอำนาจสั่งให้ผู้ต้องหาไปศาลเพื่อขอออกหมายขังโดยทันที”

หมายเหตุ : มีความเห็นทางกฎหมายของนายวรวิทย์ ฤิทธิทิศ ผู้พิพากษาว่า การที่ผู้ถูกกล่าวมาแสดงตนต่อหน้าเจ้าพนักงานนั้น ไม่ถือว่ามีการจับ และเมื่อไม่มีเหตุที่จะควบคุมตัวก็ต้องปล่อยผู้ถูกกล่าวหานั้นไป ดูเพิ่มที่ http://elib.coj.go.th/Article/j4_5_7.pdf

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเห็นว่า กรณีอ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล การเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก/คำสั่งเรียก ย่อมเป็นการแสดงถึงเจตนาอันบริสุทธิ์ในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งก็มิได้มีพฤติการตามกฎหมายที่จะควบคุมตัว หรือขังไว้ระหว่างสอบสวน จึงต้องถือว่า ไม่มีเหตุที่จะออกหมายขังตามกฎหมาย ทั้งนี้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐ ดังนั้นพนักงานตำรวจจึงไม่สามารถร้องขอต่อศาลเพื่อขอออกหมายขังระหว่างสอบสวนได้ ( แต่หากเป็นกรณีที่เรียกโดยมีหมายจับรอไว้อยู่แล้ว คงต้องมานั่งด่าตำรวจกันต่อไป)

ขอให้กฎหมายจงดำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ และเป็นธรรม !

********

สมศักดิ์(เจียม)และเพื่อนกับ"โพรเมธิอุส"




จาก บล็อกโอเคเนชั่น

เมื่อแรกมีคนเกิดขึ้นในดินแดนกรีกนั้น
มหาเทพซุสได้ออกบัญญัติห้ามมิให้เทพทุกองค์สอนวิทยาการใดๆ ให้แก่มนุษย์เป็นอันขาด
มหาเทพต้องการเพียงความอ่อนน้อมเชื่อฟังและศรัทธาต่อพระองค์
โดยไม่สนใจว่าผู้คนจะต้องขดตัวสั่นเทาในฤดูหนาวอันมืดมิด ถูกสัตว์ร้ายรังควานไล่ล่า
หรือทนกินอาหารดิบ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกิดแถวญี่ปุ่นหรือแถบอีสาน

ซุสคิดว่าตราบใดที่มนุษย์ยังโง่เขลา ขาดความรู้ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
ก็จะต้องสวดอ้อนวอน หวาดกลัว และเชื่อฟังพระองค์อยู่ร่ำไป
แถมยังจะชื่นชมเสียด้วย เมื่อคราใดซุสยอมแบ่งพลังแบบปลาซิวปลาสร้อยมาช่วยเหลือเป็นครั้งคราว

แต่ใช่ว่าในบรรดาทวยเทพเขาจะคิดเหมือนท่านหัวหน้าพรรคกันทุกองค์นะครับ
โพรเมธิอุส ผู้เป็นบุตรแห่งเทพสมุทรไคลมินี
เห็นความยากแค้นของมนุษย์แล้วบังเกิดความสงสารเป็นอย่างมาก

พระองค์เหาะลงจากภูเขาโอลิมปัส
มอบสิ่งประดิษฐ์อันมีค่าที่สุดของตนซึ่งก็คือ 'ไฟ' ให้กับมนุษย์
ทั้งยังสอนวิธีหุงหาอาหารและวิธีการก่อกองไฟให้ความอบอุ่นอีกด้วย
ปัญญาพื้นฐานเหล่านี้ ช่วยให้มนุษย์ก้าวเดินไปข้างหน้า เหมือนแสงสว่างที่ไล่ความมืดมิดจนหมดสิ้น

แน่นอนครับ ความรู้ทำให้คนหัดพึ่งตัวเอง
และเลิกใช้โปรโมชั่นแบบขูดรีดจากเหล่าทวยเทพไปตามลำดับ
(สังเวยวัวห้าสิบตัวแล้วเจ้าจะได้รับการปกป้องชีวิตเเละทรัพย์สินหกสิบชั่วโมงต่อเดื​อน
เศษของชั่วโมงคิดเป็นชั่วโมง หกปกป้องคนนอกเครือข่ายคิดต่างหากเป็นต้น)


ซุสพิโรธมากจนสายฟ้าออกหู แต่ก็ไม่สามารถเอาไฟคืนจากมนุษย์
เพราะกฎของเทพระบุไว้ว่า..ต่อให้ซุสเองก็ยังไม่อาจเรียกคืนสิ่งที่เทพองค์อื่นเป็นผู้ให้ได้
เมื่อหมดทางซิกแซกพระองค์จึงต้องปล่อยเลยตามเลย
แล้วหันมาเอาคดีความกับโพรเมธิอุสผู้อารีแทน

โพรเมธิอุสถูกล่ามกับภูเขาคอเคซัส ให้อินทรีอีธอนโฉบลงมาทึ้งกินตับทุกวัน
โดยที่ตับนั้นจะงอกกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้งในตอนเย็น

โพรเมธิอุสถูกพันธนาการอยู่กว่าสิบสองชั่วอายุคนครับ ตอนหลังถึงถูกช่วยเหลือโดยเฮอร์คิวลิส
แต่...เรื่องราวยังไม่จบ เพราะซุสนั้นผูกใจเจ็บไม่ยอมเลิกราง่ายๆ
คงหาทางล้างแค้นโพรเมธิอุสและมนุษย์ผู้มีสติปัญญาพอปลดปล่อยตนเองจากพระองค์ต่อไป

...

ปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่ไม่เชื่ออีกต่อไปแล้วว่าเทพตามตำนานกรีกมีอยู่จริง
เช่นเดียวกับที่ไม่เชื่อว่าจะมีใครจับคนร้ายในเหตุระเบิดทั่วเมืองไทยได้
แต่รูปแบบของตำนานก็ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วทุกมุมโลก

ปัญญามักเป็นสิ่งต้องห้ามของจอมเผด็จการที่ซ่อนตนเองอยู่ใต้หน้ากากแห่งคำว่าศรัทธาเ​สมอ
และผู้หวังนำความรู้มาสู่มนุษย์ที่เหลือ มักถูกตราหน้าว่าเป็น ผู้ทรยศ
พวกเลี้ยงไม่เชื่อง ขาประจำ หรือกระทั่ง...เทวดาตกสวรรค์


เรื่องของโพรเมธิอุสในวันนี้ ขออุทิศเป็นกำลังใจให้กับผู้นำสติปัญญามาสู่ผู้ชมเสมอ
แม้ว่าบางครั้งจะเหนื่อยหนัก ต้องศึกษาความรู้ใหม่ๆ ทุกวันจนหัวหมุน
หรือถูกซุสที่ไม่มีหนวดและหน้าไม่กลมคอยรังควานสักเพียงใดครับ

Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า at 5/09/2011 08:35:00 ก่อนเที่ยง
จากเว็บไซต์ไทยอีนิวส์ และ IF