PADisBuffalo เขียนเล่าในกระทู้ของคุณรักเสรี ในเว็บ IF
ไปเยี่ยมอจ.สุรชัยมา ...เล่าให้ฟัง
http://www.internetfreedom.us/thread-150...#pid156584
วานนี้ เราไปเยี่ยมอจ.สุรชัยมา อจ.ได้ตกลงแน่นอนว่า จะนัดหมายเยี่ยมกันเวลา 11.00น.ของทุกๆวันราชการ
วานนี้ มีพวกเราไปกันก็เต็มห้องพอดี เกือบ40คน ช่วงรอเวลา มีคุณลุงท่านหนึ่งเห็นพวกเรา ที่ใส่เสื้อแดงยืนรอกัน ก็เข้ามาหา และยื่นขนมให้ถุงหนึ่ง พร้อมกับยื่นเงินสดๆให้ 2000 บาท บอกฝากให้อจ.สุรชัยด้วย แล้วคุณลุงใจดีท่านนี้ก็เดินจากไป นี่ครับ น้ำใจและความไว้ใจของคนเสื้อแดงที่มีให้แก่กัน
เมื่อเข้ามาเยี่ยม ทางจนท.เรื่อนจำจะจัดให้อจ.สุรชัย มาอยู่ในห้องเดี่ยว ที่แยกจากผู้ต้องขังรายอื่นๆ (ปกติ ห้องเยี่ยมหนึ่งห้อง จะมีผู้ต้องขัง 4 ราย)
วานนี้ อจ.สุรชัย ใส่เสื้อยืดสีเหลืองที่ทางเรือนจำจัดให้ แต่ที่สำคัญ ที่หน้าอก อจ.ติดเข็มกลัด สัญญลักษณ์ไม่เอา 112 ด้วย สาวๆที่ไปบอกว่า กิ้บเก๋มากเลย
อจ.หน้าตาสดใส คงเพราะได้พักมากกว่าอยู่ข้างนอก
เรื่องการทำงานของพวกเรา อจ.ฝากบอกว่า อยากให้รณรงค์เรื่องมาตรา 112 อจ.ขอยอมเอาตัวเองเข้าคุก ก็เพื่อเป็นเงื่อนไข ให้พวกเราสู้เรื่องนี้กันต่อไป ทั้งแดงในประเทศและแดงต่างประเทศ ส่วนที่ว่า น.ป.ช.จะนำเอาเรื่องนี้ไปเป็นประเด็นหรือไม่ อจ.ก็ไม่ได้หวังอะไร
แต่เห็นมีคุยกับตัวแทน นปช.ที่ไปเยี่ยมว่า ขอเสนอให้ นปช.ยกประเด็นนี้ไปต่อสู้ด้วย( แต่เราไม่หวังหรอก ว่าธิดาและหมอเหวง จะเอา)
อยากบอกว่า หากท่านใดไปเยี่ยมได้ ก็ช่วยไปกัน เพื่อเป็นแรงใจให้อจ. ( เราหวังว่ หากพวกเราไปกันมากๆ ไปกันเยอะๆ เด๋วมันก็ต้องให้ประกัน) ก็ไปถึงประมาณ 10.30 หรือ 11.00 น. ก็ได้ เตรียมสำเนาบัตรประชาชน ไปหนึ่งใบ พอไปถึง ไปยื่นที่จนท.ก็จะได้บัตรคิว พอถึงเวลา 11.10น. โดยประมาณ จนท.ก็จะเปิดให้เข้าไปพร้อมๆกัน
"ไม่มีอำนาจ ไม่มีบารมี มีแต่ความคิด มีแต่อุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตย และมีแต่มวลชนคนตัวเล็กแบบพวกเราที่ยืนเคียงข้าง คือ อจ.สุรชัย ของพวกเรา"
******************************************************
จากกระทู้
อ.ธิดาจะเสียหมา แกนนำน่าจะเสียคน หากไม่รณรงค์ยกเลิกม.112 ลองดูผู้กล้าปชต.แท้จริงนี้สิ
http://www.internetfreedom.us/thread-15011.html
ภาพฉบับจริง ! หนังสือฎีกายกเลิก ม.112 และ กลุ่มความจริงวันนี้ซึ่งได้ยื่นแต่ 7-8-52 ? http://www.internetfreedom.us/thread-14923.html
สืบเนื่องมาจากกระทู้
การรณรงค์ยกเลิก ม.112 นี้ ทุกคนสามารถทำได้โดยถูกต้องตามกฎหมายและปราศจากความผิดใด ๆ
http://www.internetfreedom.us/thread-14844.html
จากกระทู้
ประชาชนลงชื่อ 50000 คน ยกเลิก มาตรา 112 จะเป็นการหมื่นฯไหม
http://www.internetfreedom.us/thread-14835.html
และ
แถลงข่าว แดงเชียงใหม่ เรียกร้อง หาความชอบธรรมให้ อ.สุรชัย
http://www.internetfreedom.us/thread-14778.html
ผมจึงได้มาตั้งกระทู้นี้ขึ้น เพื่อเป็นการร่วมรณรงค์ให้มีการล่ารายชื่อยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 ต่อสภา
เนื่องจาก ฎีกายกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ ตามที่ได้รณรงค์ในเว็บบอร์ดประชาไท (อ่านได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ http://www.petitiononline.com/nomorelm/petition.html)ได้ยื่นอย่างเป็นทางการถึงท่านราชเลขาธิการไปพร้อม ๆ กับฎีกากลุ่มความจริงวันนี้โดยคนเพียงคนเดียวในวันที่ 6 สิงหาคม 2552 เพื่อตัดไฟเสียแต่ต้นลมกรณีจะมีการฉวยโอกาสทำรัฐประหารจากความขัดแย้งต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ และฎีกานี้ได้ถึงพระเนตรพระกรรณก่อนหน้าที่จะยื่นอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ เพราะได้นำไปยื่นยังเจ้าหน้าที่ราชเลขาธิการอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่ราว ๆ เดือนกุมภาพันธ์ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างไรจนถึงทุกวันนี้ การที่คุณสุรชัยได้โดนจับ และมีการแถลงข่าว แกนนำ 8 จังหวัดภาคเหนือ 24-02-54 โดยเฉพาะ คุณสมยศว่า จะล่ารายชื่อเสนอสภาให้มีการยกเลิก ม.112 ตามคลิปนี้ ผมถือว่าเป็นสิ่งที่ดี
**มีคลิปการแถลงของแดงเชียงใหม่ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554 (หลังจาก อ.สุรชัยถูกจับ 1 วัน) แทรกอยู่หลังข้อความทั้งหมด
ตัดจากส่วนหนึ่งของคลิปนี้ครับ
เสวนา กฎหมายหมิ่น 21-22/03/09 นิติฯ ธรรมศาสตร์ ไฟล์เก่า
ftp://baygon4.no-ip.org/savefiles/speedh...321-06.WMV
ส่วนฉบับเต็ม 2 วัน มีทั้งคลิปวีดีโอและเสียง ดาวน์โหลดได้ที่นี่ครับ
เสวนา กฎหมายหมิ่น 21-22/03/09 นิติฯ ธรรมศาสตร์ ไฟล์เก่า
http://www.thaivoice.org/community/showt...hp?tid=154
อ่านฎีกาฉบับเต็มและลงชื่อได้ที่นี่ครับ
http://www.petitiononline.com/nomorelm/petition.html
ผมเห็นว่าเอกสารนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนสมาชิกในการรณรงค์ล่ารายชื่อยกเลิกกฎหมาย ม.112 จึงได้ตัดสินใจนำมาเผยแพร่โดยขออนุญาตปิดชื่อผู้ยื่นถวายฎีกาและเจ้าหน้าที่รับเรื่องในหนังสือนี้
จริง ๆ แล้ว ฎีกากลุ่มความจริงวันนี้นั้น ได้ยื่นโดยคน ๆ เดียวแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2552 แล้ว แต่ถูกทางการกลั่นแกล้งถ่วงเรื่องจนถึงทุกวันนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องแต่อย่างไร แม้แต่ฎีกายกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ หรือ ม.112 นั้น ความจริงแล้ว ได้มีการยื่นถวายฎีกาตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2551 โดยได้เขียนไว้ในฎีกาข้อที่ 4 ว่า
4. การพิจารณายกเลิกกฎหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่มีส่วนอย่างยิ่งในการในการนำมาทำลายล้างซึ่งกันและกัน นำความเสื่อมเสียอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและคนดี ๆ ที่ถูกเข่นฆ่า ทำลายล้างโดยไม่มีความผิด เช่น กรณีคดีสวรรคตรัชกาลที่ 8 กรณีท่าน ดร.ปรีดี พนมยงค์ การฆ่านิสิตนักศึกษา กรณีเหตุการณ์ตุลาคม 2519 เป็นต้น เมื่อไรจะยกเลิกไปเสียที
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ประสงค์จะดำเนินการล่ารายชื่อยกเลิก ม.112 ได้เป็นอย่างดี
ร่วมสนับสนุนฎีกาถวายในหลวง กรณีกฎหมายหมิ่นและบทบาทของสถาบันกษัตริย์และคณะองคมนตรี
http://www.petitiononline.com/nomorelm/petition.html
View Current Signatures - Sign the Petition
--------------------------------------------------------------------------------
To: All Thais and citizens of the world
ฎีกาถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรี
วันที่ : __________________________________
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
บรรดาข้าพระพุทธเจ้าผองพสกนิกรชาวไทยใต้พระบรมโพธิสมภาร พลเมืองของประเทศไทยผู้ซึ่งได้ลงนามต่อท้ายหนังสือฎีกาฉบับนี้ พร้อมด้วยการสนับสนุนของมิตรจากต่างประเทศจำนวนหนึ่ง เป็นผู้ที่รักประเทศชาติบ้านเกิด และการมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรมคู่บ้านคู่เมืองอย่างจริงใจและไม่สั่นคลอน ผองข้าพระพุทธเจ้าต่างเห็นว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงเท่านั้นที่เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับแก้ปัญหาระยะยาวทางสังคม การเมือง วัฒนธรรม และเศรษฐกิจที่ประสพกันอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย รวมทั้งประเทศไทยเราด้วย ในฐานะพลเมืองที่มีสำนึกรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ผองข้าพระพุทธเจ้ามีความกังวลอย่างลึกซึ้งต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทางการเมืองและสังคมของไทย ซึ่งได้แบ่งแยกผู้คนทางความคิด ทำลายความกลมเกลียวและสันติสุขอย่างน่าใจหาย กัดกร่อนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายบ้านเมืองจนความเชื่อมั่นหดหาย ละเมิดอำนาจอธิปไตยของปวงชนอย่างร้ายแรง และทำร้ายความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจที่ผองข้าพระพุทธเจ้าเคยมีก่อนหน้านี้ ฯลฯ ด้วยความเคารพและจงรักภักดี ผองข้าพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยมิตรสหายจากต่างประเทศจำนวนมากที่ห่วงใยความก้าวหน้าของประเทศไทย เชื่อว่า พระองค์ท่านอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะช่วยลดความรุนแรงของสถานการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันและแผ้วถางทางสำหรับอนาคตที่ดีขึ้นของประเทศไทย หากพระองค์จะทรงพระราชทานพระราชวินิจฉัยและหาแนวทางให้เกิดการปฎิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นข้อเรียกร้องต่อไปนี้
ประการแรก ตามที่ทรงมีพระราชดำรัสแด่ปวงชนชาวไทย ณ วันที่ ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ อันมีใจความตอนหนึ่งบ่งชัดว่า ทรงมีพระเมตตาธิคุณและพระราชหฤทัยที่กว้างใหญ่ไพศาล กอปรกับพระราชประสงค์ให้ประชาชนสามารถวิจารณ์องค์พระมหากษัตริย์ได้นั้น ผองข้าพระพุทธเจ้าจึงมีความอบอุ่นและมั่นใจในพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมและในการขอให้พระองค์ทรงพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยให้มีการดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ไม่เหมาะสมกับกาลสมัยและระบอบประชาธิปไตยเสียโดยเร็ว ด้วยเหตุผลเพิ่มเติมดังนี้
หนึ่ง กฎหมายฉบับนี้ ได้บัญญัติไว้เพราะถือว่าเป็นจารีตประเพณีที่ประชาชนพึงถวายแด่พระมหา กษัตริย์เท่านั้น แต่ไม่ควรนำมาใช้เพื่อเอาผิดผู้หนึ่งผู้ใดเช่นเดียวกับนานาประเทศที่ปกครอง ด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะการบัญญัติเป็นความผิดตามกฎหมายไทยนั้น เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่ง ทำให้นานาอารยประเทศต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นกฎหมายฉบับเดียวในโลกที่เก่าแก่ล้าสมัยโบราณคร่ำครึ ป่าเถื่อน ไร้อารยธรรม ไร้สาระ น่าขัน และไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่ง
สอง เนื่องจากกฎหมายหมิ่นฯ ของไทยมีขอบเขตและความหมายที่กำกวมและกว้างเกินไป แทนที่จะบัญญัติไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองพระมหาษัตริย์อันเป็นที่เคารพรักและ เทิดทูนของปวงชนชาวไทยตามที่ตั้งใจไว้แต่ต้น กลับถูกรัฐบาลเผด็จการทางทหารหรือพรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการ นำไปใช้โดยมิชอบเพื่อเข่นฆ่าทำลายล้างศัตรูคู่แข่งที่มีความขัดแย้งกันทาง การเมือง การลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพของประชาชนชาวไทยตามระบอบประชาธิปไตย จึงสร้างความโกรธแค้น ชิงชังและคับข้องใจแก่ผู้เคราะห์ร้ายที่ตกเป็นเหยื่อ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยอีกมากมาย
สาม ในอดีต มีหลายครั้งหลายคราที่มีการอ้างใช้กฎหมายหมิ่นฯ เพื่อยุยงปลุกปั่นให้มีการเข่นฆ่าทำลายล้างคนไทยด้วยกันเอง ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย ดังจะเห็นได้จากกรณีเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 เป็นต้น
สี่ นับตั้งแต่เกิดรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนถึงบัดนี้ ได้เกิดเสียงครหาโจษจันกันมากมายเกี่ยวกับการรับรองโจรกบฏว่าเป็นรัฐาธิปัต ย์ วิกฤติศรัทธาตุลาการที่เข้าข้างโจรกบฏ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่แอบอ้างเบื้องสูง ทำตัวเยี่ยงโจรผู้ก่อการร้ายสากลปิดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ และทำผิดกฎหมายบ้านเมืองตามอำเภอใจโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐหน่วยใดกล้าจับ กุมมาลงโทษแต่อย่างไร การที่ทหารกล้านอกแถวทำรัฐประหาร ตุลาการเอียงเข้าข้างโจรกบฏ ตำรวจไม่กล้าจับพันธมิตรฯป่วนเมืองเพราะถือว่าเป็นม็อบมีเส้นใหญ่ ไม่มีใครกล้าแตะต้อง บ้านเมืองไร้ขื่อไร้แป เกิดวิกฤติศรัทธาลามไปทั่วเช่นนี้ จึงเป็นการยากยิ่งนักที่จะห้ามไฟไม่ให้มีควัน ยิ่งรัฐบาลปัจจุบันที่ได้มาโดยมิชอบด้วยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนตามระบอบ ประชาธิปไตย ก็ยิ่งเท่ากับเติมเชื้อไฟให้รุกโหมหนักยิ่งขึ้นไปอีก และยิ่งคิดที่จะเอากฎหมายหมิ่นฯ มาปิดบังความชั่วที่สร้างเอาไว้ ก็ยิ่งจะเป็นการทำลายสถาบันให้เสื่อมทรุดหนักยิ่งไปกว่าเดิมอีก
ห้า จากผลของการการบังคับใช้กฎหมายนี้ต่อคนไทยและชนต่างชาติเท่าที่ผ่านมานั้น มีแต่จะสร้างความเสื่อมเสียและความเสื่อมศรัทธาต่อพระเกียรติของพระองค์ท่านในฐานะพระปิยมหากษัตริย์นักปฏิรูปพัฒนาเสียมากกว่า เพราะมีการใช้กฎหมายนี้เพื่อจับกุมคุมขังนักต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพและประชาธิปไตย จำนวนมากผู้ซึ่งมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นทางด้านวิชาการและการเมือง ซึ่งถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างยิ่งอย่างหนึ่งของการปกครองระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้เมื่อนักต่อสู้แต่ละรายถูกจับกุมคุมขังดำเนินคดี และมีการรายงานข่าวไปตามสื่อสารมวลชนต่าง ๆ ทั้งในและนอกประเทศแล้ว ก็มีแต่จะทำให้คนทั่วไปครหาได้ว่า พระมหากษัตริย์ไทยได้ทรงข่มเหงรังแกประชาชนพลเมืองของพระองค์ และหากจะพิจารณาดูให้ถ่องแท้แล้ว ก็จะยิ่งน่าประหลาดใจยิ่งขึ้น เมื่อพบว่าการใช้กฎหมิ่นฯนี้นั้น เป็นการข่มเหงชาวต่างชาติจากประเทศที่ไม่เคยมีกฎหมายหมิ่นฯ นี้มาก่อนหรือได้ยกเลิกไปแล้ว
หก เหตุผลสุดท้ายที่ถือว่าสำคัญที่สุดคือ กฎหมายหมิ่นฯ ไม่เหมาะสมกับยุคสมัยในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นยุคโลกาภิวัฒน์แต่อย่างไร ตราบใดที่พระองค์ยังทรงทศพิธราชธรรมมั่นคงอยู่ ตราบนั้นประชาชนคนไทยก็ยังคงเคารพรักในพระองค์มิมีวันเปลี่ยนแปลง และยิ่งพระองค์มีความเป็นนักประชาธิปไตยมากเท่าไร สถาบันกษัตริย์ก็ยิ่งจะมั่นคงยิ่งขึ้นมากเท่านั้น ดังที่ปรากฎชัดในอารยประเทศทั้งหลาย
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ผองข้าพระพุทธเจ้า พลเมืองแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยกัลยาณมิตรจากต่างประเทศ ขอพระองค์จงพระราชท่านพระราชวินิจฉัยเพื่อให้เกิดพระราชกรณียกิจและกิจกรรมที่เหมาะสมต่อประเด็นข้างต้นต่อไป โดยอาจให้มีการยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ นี้ เสียโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้ ผองข้าพระพุทธเจ้ายังปรารถนาที่จะขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในการประกาศต่อปวงชนชาวไทย ด้วยการพระราชทานพระบรมราโชวาทหรือพระราชหัตถเลขาอย่างชัดเจ้งเกี่ยวกับจุดยืนของพระองค์ต่อประเด็นกฎหมายหมิ่นฯ และพระราชประสงค์อันชัดแจ้งว่าควรมีการกระทำเยี่ยงใดต่อกฎหมายนี้ สิ่งหนึ่งซึ่งควรเกิดขึ้นหลังจากพระมหากรุณาธิคุณในการตอบสนองของพระองค์ต่อข้อเรียกร้องนี้ น่าจะเป็นการแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับ ๒๕๕๐ ต่อไป อนึ่ง ในระหว่างที่สิ่งอื่น ๆ ยังต้องรอให้เป็นไปตามตัวบทกฎหมายและกระบวนการทางประชาธิปไตยนี้ ผองข้าพระพุทธเจ้าประสงค์จะขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในการทรงพระราชทานอภัยโทษปล่อยนักโทษและผู้ต้องหาคดีหมิ่นฯ ทุกรายเสียให้หมดโดยเร็ว เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ และพระราชหฤทัยที่เป็นประชาธิปไตยยิ่งของพระองค์ ให้เป็นที่ประจักษ์และประทับแน่นในหัวใจของผู้ที่ต้องโทษหรือถูกกล่าวหา ตลอดจนปวงประชาชนทั้งหลายต่อไป โดยทรงใช้พระอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๑๙๑ พระราชทานพระอภัยโทษ แด่
๑) ผู้ต้องสงสัยหรือผู้ถูกหมายเรียกในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อันกระทำด้วยวิพากษ์วิจารณ์เชิงวิชาการ หรือแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย มิได้ใช้คำผรุสวาท หยาบคาย ด่าทอ ต่อสถาบันกษัตริย์
๒) ผู้ต้องขัง ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อันกระทำด้วยวิพากษ์วิจารณ์ เชิงวิชาการ หรือแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย มิได้ใช้คำผรุสวาท หยาบคาย ด่าทอ ต่อสถาบันกษัตริย์
๓) ผู้ที่ถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในครั้งแรก หรือการพระราชทานอภัยโทษนักโทษคดีนี้ทั้งหมด หรือแล้วแต่พระองค์จะทรงเห็นควรชอบเป็นอย่างอื่น
ประการที่สอง เพื่อเป็นการแก้ปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ณ ปัจจุบัน ซึ่งได้ทำร้ายประเทศชาติให้เสียหายทั้งด้านความเชื่อถือทางการทูต ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ความสงบเรียบร้อยและภราดรภาพในสังคม พัฒนาการทางการศึกษาและอื่น ๆ จนเหลือคณาแล้วนั้น ผองข้าพระพุทธเจ้ายังปรารถนาให้พระองค์ท่านได้ทรงแสดงพระมหากรุณาธิคุณโดยการทรงพระราชทานพระราชดำรัส หรือพระราชหัตถเลขาต่อปวงชนชาวไทยและผู้มีภารกิจเกี่ยวข้อง อย่างชัดแจ้ง ว่าจุดยืนของพระองค์ต่อประเด็นการให้สถาบันพระมหาษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมืองทั้งโดยนิตินัยและพฤตินัยเป็นเช่นไร สิ่งที่เป็นที่ประจักษ์และโจษจันกันในกลุ่มพลเมืองไทยจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะนี้นั้น หลายสิ่งไม่เป็นผลดีต่อสถาบันกษัตริย์ เป็นเพราะรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้สถาบันฯ ถูกนำไปเกี่ยวโยงทางการเมือง โดยพระมหากษัตริย์ทรงต้องลงพระปรมาภิไธยเห็นชอบต่อการกระทำใด ๆ ทั้งที่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตยและที่ไม่เป็นประชาธิปไตย โดยหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะไม่ว่าจะทรงตัดสินพระทัยเช่นใด ก็จักเป็นการก่อให้เกิดอันตรายต่อสถาบันฯ เสียทั้งสิ้น เช่น การต้องลงพระปรมาภิไธยรับรองผู้ก่อการปฎิวัติรัฐประหาร การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีไม่วาจะได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนหรือที่มีที่มาแบบไม่เป็นประชาธิปไตยเพียงใด และการแต่งตั้งองค์กรใด ๆ ทางการบริหาร ตุลาการและนิติบัญญัติที่ถูกนำทูลเกล้าอย่างไม่ชอบตามหลักประชาธิปไตยหรือแม้แต่กฎหมาย โดยพระองค์ท่านไม่มีทางเลี่ยงเลย จนจะเห็นได้ว่าเงื่อนไขที่กำหนดในรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมา ได้ทำให้เกิดรอยด่างเปื้อนต่อสถาบันกษัตริย์อย่างเลวร้ายที่สุดในระยะปีหลังนี้ โดยคนไทยจำนวนมากได้เกิดความสงสัยในบทบาทที่มีการอ้างด้วยทั้งวาจาและการเอาสัญลักษณ์ของสถาบันฯ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง จนเป็นเหตุให้พลเมืองจำนวนมากเกิดอาการเชื่อไปว่า สถาบันกษัตริย์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองที่ยุ่งเหยิง หรือแม้แต่อยู่เบื้องหลังการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยเสียเอง โดยเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จผ่านอำนาจนิติบัญญัติ ตุลาการ และบริหารในที่สุด ดังที่สำนักข่าวต่างประเทศก็ได้รายงานไปในทำนองเดียวกัน ซึ่งทำให้สถาบันอันเป็นที่รักของคนไทย ต้องเสื่อมเสียอย่างยิ่ง ดังนั้น เพื่อรักษาความรักและความภักดีที่พลเมืองไทยได้มีต่อพระองค์และราชวงศ์นั้น ผองข้าพระพุทธเจ้า จึงขอให้พระองค์ทรงใส่พระราชหฤทัยต่อประเด็นการยกเอาสถาบันกษัตริย์ให้พ้นเสียจากบทบาทที่คลุมเครือด้านการมีส่วนร่วมทางการเมืองและให้พ้นจากเงื่อนไขที่จะทำให้สถาบันฯ เสื่อมเสีย โดยทรงประกาศให้ชัดเจนต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อที่ว่า ขั้นตอนที่จำเป็น เช่นการแก้รัฐธรรมนูญและสิ่งอื่น ๆ ที่จำเป็นจักได้เกิดขึ้นได้หลังจากนั้น
ประการสุดท้าย ที่ผองข้าพระพุทธเจ้าปรารถนาจะให้พระองค์ท่านโปรดใช้พระราชวินิจฉัยให้เกิดผลแห่งการปฏิบัตินั้น เกี่ยวเนื่องด้วยการจำกัดบทบาทของคณะองคมนตรีให้อยู่เฉพาะในกรอบแห่งกิจกรรมของพระราชวังและส่วนพระองค์ มิใช่ไปเกี่ยวด้วยกิจกรรมทางการทหารและการเมืองใด ๆ แม้ว่าตามสาระทางกฎหมายเกี่ยวข้องกับคณะองคมนตรี ได้กำหนดไว้ว่า องคมนตรีมีสถานะที่ต้องเป็นกลางทางการเมือง แต่กลับได้ปรากฎมีข่าวต่อสายตาประชาชนในประเทศไทยและต่างประเทศว่า ได้มีประธานและสมาชิกขององคมนตรีบางท่านได้แสดงพฤติกรรมทำนองสนับสนุนการก่อการปฏิวัติรัฐประหาร เข้าไปก้าวก่ายในการแต่งตั้งข้าราชการทหารและข้าราชการพลเรือน ให้ความเห็นทางการเมืองที่ไม่เป็นกลาง และให้คำแนะนำทางการเมืองอันไม่ได้รับเชิญหรืออันมิเหมาะสม ซึ่งได้ก่อให้เกิดความสับสนในระหว่างกลุ่มชนที่เกี่ยวข้อง และบ่อยครั้งพวกเขาได้แสดงตนราวกับว่า เป็นตัวแทนพระสุรเสียงของสถาบันกษัตริย์ หรือของพระองค์ท่านโดยตรงเสียเอง จนทำให้เกิดการได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรมต่อชนบางกลุ่มและเกิดความคับข้องใจในระหว่างกลุ่มคนที่เสียเปรียบจากความเห็นดังกล่าว ดังนั้น ผองข้าพระพุทธเจ้าจึงปรารถนาจะขอให้พระองค์ทรงพระราชทานพระราชดำรัสหรือพระราชหัตถเลขาที่ระบุถึงประเด็นนี้ให้ชัดเจน เพื่อจักเป็นที่ซาบซึ้งอย่างยิ่งสำหรับคนไทยทั้งหลายที่ไม่สบายใจต่อภาพแห่งความไม่เป็นธรรมในระบอบประชาธิปไตยไทยซึ่งได้ถูกทำให้เกิดขึ้นโดยบทบาทที่ล้ำขอบเขตของบุคคลในคณะองคมนตรี และจักเป็นการเพิ่มพูนพระบารมีและเพิ่มความจงรักภักดีในหมู่ประชาชนทั้งหลายยิ่งขึ้นต่อไป
ความโดยสรุป ผองข้าพระพุทธเจ้า ผู้ซึ่งได้ลงนามต่อท้ายข้างล่างนี้และเป็นพลเมืองไทยที่มีจิตใจเป็นห่วงกังวล ทั้งที่พำนักในประเทศไทยและต่างประเทศ พร้อมด้วยมิตรสหายจากต่างแดนผู้มีใจห่วงใย ปรารถนาจะขอให้พระองค์ท่านพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในการให้พระราชวินิจฉัยและให้เกิดการปฎิบัติที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นสามประเด็นใหญ่ ๆ นี้ ผองข้าพระพุทธเจ้าเชื่อเหลือเกินว่า ด้วยพระราชอัจฉริยะและพระมหากรุณาธิคุณแล้ว พระองค์ท่านจะไม่เพียงแต่ทำให้ปัญหาทางการเมืองและปัญหาอื่น ๆ ทั้งมวลได้รับการบำบัดไปอย่างรวดเร็ว แต่จะทำให้ทำให้ความรักและภักดีในหัวใจคนไทยที่ผองข้าพระพุทธเจ้ารักษาไว้ให้พระองค์และราชวงศ์นั้นแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และยังจะนำพาประเทศไทยให้ก้าวไปสู่อนาคตที่มีสันติสุข สมัครสมานกลมเกลียว มั่งคั่งและเปี่ยมด้วยความเป็นอารยะในโอกาสอันใกล้นี้ พร้อมทั้งการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์คู่คนไทยสืบต่อไปแสนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ
ประชาชนชาวไทยและเพื่อนจากต่างประเทศ ผู้ลงนามแนบท้าย
Sincerely,
The Undersigned
********************************************************************
มีเอกสารแทรก 2 แผ่น
ต่อจากนี้เป็นการโพสของสมาชิกเว็บ
เจ้าของเว็บปิดท้ายด้วยบทประพันธ์
จอมมารฆาตกรไร้ค่าไร้ธรรม
จอมมารเผด็จการโจรกบฏ ทรยศทรราชชาติชั่ว
ต่ำช้าสามานย์ตามัว หลงตัวมั่วกิเลสต่ำทราม
ตัวเสนียดอัปรีย์จัญไร ชาติไพร่จัณฑาลน่าหยาม
ริษยาอาฆาตน่าประณาม ฆาตกรถ่อยทรามเนรคุณ
ใจดำอำมหิตผิดมนุษย์ เลวสุดสั่งฆ่าโคตรสถุลย์
สร้างภาพบาปหนาหาทุน ต้มตุ๋นโกงกินสิ้นอาย
เลวยิ่งสัตว์นรกเปรตอสูร มากมูลความผิดชั่วหลาย
สะสมวิบากกรรมมากมาย ต้องตายตกนรกอเวจี
จอมมารเผด็จการทรราช ชั่วชาติก่อกบฏกดขี่
สร้างภาพบาปหนาตาปี ไม่มีศีลธรรมประจำใจ
ใจดำอำมหิตผิดมนุษย์ เลวสุดต่ำช้าหาไหน
เข่นฆ่าล่าล้างประชาไทย เลือดไหลลามทั่วปฐพี
ตัวอุบาทว์ชาติไพร่จัณฑาล สามานย์สัตว์นรกเปรตผี
เป็นเสนียดจัญไรอัปรีย์ กาลีปีศาจซาตาน
ด้วยพิษริษยาอาฆาต ทำชาติพินาศร้าวฉาน
กลียุคโกงกินแหลกลาน ล้างผลาญสร้างเวรสร้าง(ก่อ)กรรม
ตามล่าตามล้างราวี ไร้ความปรานียีย่ำ
ประชาชนทนทุกข์แสนระกำ ชอกช้ำเสื่อมสิ้นศรัทธา
โกรธเกลียดเคียดแค้นชิงชัง ด่าดังเหี้ยสั่งเหี้ยฆ่า
ตาสว่างต่างไล่ไปนา ฆาตกรไร้ค่าไร้ธรรม
***********************************************
ผมขอถือโอกาสนี้ นำเอาจดหมายคุณ รักเสรีประชาธิปไตย ในอดีตมาแสดงให้คุณได้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
สวัสดีครับ คุณเพียงดิน
วันนี้ผมได้ติดตามข่าวการยื่นถวายฎีกาของกลุ่มความจริงวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยจึงเห็นสมควรถึงเวลาที่จะแจ้งความจริงให้เพื่อนสมาชิกประชาไทที่มีส่วนร่วมในฎีกายกเลิกกฎหมายหมิ่นฯได้ทราบโดยทั่วถึงกันว่า ฎีกายกเลิกกฎหมายหมิ่นฯได้ยื่นอย่างเป็นทางการถึงท่านราชเลขาธิการไปพร้อม ๆ กับฎีกากลุ่มความจริงวันนี้โดยคนเพียงคนเดียวในวันที่ 6 (7) สิงหาคม 2552 เพื่อตัดไฟเสียแต่ต้นลมกรณีจะมีการฉวยโอกาสทำรัฐประหารจากความขัดแย้งต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ ในหนังสือฎีกาได้กล่าวเพียงยอดรายชื่อที่มาร่วมเซ็นเห็นด้วยมีอย่างน้อย เป็นหลักพันคน ส่วนรายชื่อที่เซ็นยังเก็บไว้เป็นความลับ และพร้อมที่จะนำมาใช้จริงเมื่อถึงเวลาสมควรเท่านั้น จึงขอให้ทุกท่านที่ได้เซ็นเอาไว้ได้มีความสบายใจได้
ผมถือว่าหน้าที่ในการเสนอฎีกายกเลิกกฎหมายหมิ่นฯได้บรรลุวัตถุประสงค์หลักแล้วเพราะฎีกานี้ ได้ถึงพระเนตรพระกรรณก่อนหน้าที่จะยื่นอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ เพราะได้นำไปยื่นยังเจ้าหน้าที่ราชเลขาธิการอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่ราว ๆ เดือนกุมภาพันธ์ตามที่ผมได้ตั้งกระทู้เอาไว้ก่อนหน้านี้
หวังว่าข้อเท็จจริงนี้จะช่วยให้ทุก ๆ ท่านได้คลายความสงสัยได้เป็นอย่างดี หากมีผู้ใดจะสานต่อในการล่ารายชื่อหรือกระทำการที่ดียิ่งขึ้นไปกว่านี้ เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ผมก็จะขอขอบคุณเป็นอย่างสูง ส่วนตู้ ป.ณ. 6 สำเหร่ กรุงเทพฯ 10600 จะสิ้นสุดลงในเดือนนี้ผมยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต่ออีก 6 เดือนดีหรือไม่ เนื่องจากไม่มีใครส่งจดหมายมาเลย จึงคิดว่า อาจจะไปยกเลิกในเดือนนี้
ตอนนี้ท่านที่ได้โต้แย้งอย่างเอาเป็นเอาตายเรื่องฎีกาของกลุ่มความจริงวันนี้ก็คงจะสบายใจแล้วนะครับว่า ฎีกายกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ แม้จะยื่นโดยคนเพียงคนเดียว แต่ก็ได้ยื่นไปพร้อม ๆ กับฎีกากลุ่มความจริงวันนี้ ที่มีรายชื่อเป็นหลักหลายล้านคน จะช่วยเสริมส่วนที่ขาดไปให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ผมฝากคุณเพียงดินให้ตั้งกระทู้นี้พร้อมกับรายละเอียดของฎีกายกเลิกกฎหมายหมิ่นฯให้เพื่อนสมาชิกได้รับรู้ร่วมกันด้วยครับ
รักและเคารพเสมอ
รักเสรีประชาธิปไตย
--------------------------------------------------------------------------------
การเมือง
17 สิงหาคม 2552 07:15:28
แกนนำแดงยื่นฎีกาแล้วก่อนกลับสนามหลวง
http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=185500/
แกนนำเสื้อแดงยื่นฎีกาแล้วก่อนพาขบวนเคลื่อนกลับรวมตัวสนามหลวง ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินขอบคุณลั่นยังจงรักภักดีต่อสถาบัน ย้ำที่ผ่านมาถูกกลั่นแกล้งใส่ร้าย
บรรยากาศ บริเวณท้องสนามหลวง ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 1 หมื่นคน ที่เดินทางมาด้วยรถบัส รถกระบะ รถเก๋งและรถแท็กซี่ ทยอยกันมาถึงบริเวณสนามหลวง ซึ่งส่วนมากจากทางภาคเหนือและภาคอีสาน เช่น เชียงใหม่ ลำปาง นครสวรรค์ อุดรธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ รวมทั้ง กรุงเทพและปริมณฑล ได้พากันปักหลักชุมนุมบริเวณด้านทิศเหนือ ฝั่งสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า แต่ฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักและมีน้ำเจิ่งนอง ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงต่างพากันวิ่งเข้าไปหลบฝนภายในเต็นท์ ขณะที่บางคน ก็ใช้ร่มกางกันฝน
ขณะที่ รอบ ๆ เวทีปราศรัย ก็มีการตั้งเต็นท์ออกร้านขายของที่ระลึก เช่น ผ้าโพกหัว เสื้อความจริงวันนี้ ซีดีบันทึกการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ แก่ผู้มาร่วมชุมนุมและมีการเปิดเวทีด้วยการแสดงดนตรี สร้างความคึกคักให้กับกลุ่มคนเสื้อแดง ท่ามกลางการ์ดของ นปช. ที่สวมชุดดำ กว่า 500 คน เดินตรวจเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก คุมเข้มด้านนอกรอบสนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง และพื้นที่ใกล้เคียง
ผบช.น. เผย เสื้อแดงรวมพลกว่าหมื่นคนแล้ว ยังไม่พบมือที่ 3 ป่วน
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เตรียมยื่นฎีกา
ขอพระราชทานอภัยโทษ ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เช้าวันนี้ ที่ ท้องสนามหลวง ล่าสุด เหตุการณ์ ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประชาชนคนเสื้อแดง ทยอยเข้าสมทบต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่พบมีกลุ่มบุคคลที่ 3 สร้างความวุ่นวายแต่อย่างใดโดยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้วางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ส่วนจำนวนตัวเลขคนเสื้อแดงที่เข้าร่วม จากรายงาน พบว่า มีกว่าหมื่นคนแล้ว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้มีการติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี ล่าสุด พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเรียบร้อยบริเวณประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง
พล.ต.อ.วิเชียร ตรวจความเรียบร้อย บริเวณประตูวิเศษไชยศรี
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางตรวจเยี่ยมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ที่ปฏิบัติหน้าที่ บริเวณประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง พร้อมให้โอวาทกับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง
โดย พล.ต.อ.วิเชียร ระบุ ตำรวจ จะไม่เข้าข้างฝ่ายใด และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ทั้งนี้ จะไม่ยินยอมให้
กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อสีแดง เข้าไปภายในพระบรมมหาราชวัง อย่างเด็ดขาด โดยได้รับการประสานงานจาก นายอินทร์จันทร์ บุราพันธ์ รองราชเลขาธิการ ที่จะออกมารับฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงบ่ายเชื่อ จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆเกิดขึ้นในวันนี้ อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.วิเชียร ระบุ ได้รับการประสานมาจากศาลฎีกา
แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปภายในโดยเด็ดขาด ในระหว่างการพิจารณาคดี
กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ในเวลาประมาณ 14.00น. ของวันนี้ เช่นเดียวกัน
ตำรวจชุดปราบจลาจล 1,500 นาย พร้อมรับเหตุปะทะ เสื้อแดง-น้ำเงิน
พ.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยถึงความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 10 กองร้อย หรือประมาณ 1,500 นาย พร้อมโล่และหมวก ที่จะป้องกันเหตุวุ่นวาย หากเกิด
การปะทะของกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่ม อย่างเข้มแข็ง ขณะที่หน้าประตูวิเศษไชยศรี สำนักพระราชวัง ได้จัดกั้นรั้วตั้งแต่
สนามหลวง หน้าศาลฎีกา เรื่อยมาจนถึงหน้าพระลานพระบรมมหาราชวัง ขณะที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ยังไม่มีรายงานกลุ่มมือที่ 3 เตรียมเข้าป่วน เพื่อสร้างสถานการณ์ในวันนี้แต่อย่างใด
ทำให้รู้สึกว่ายังไม่มีความกังวล ทั้งนี้ ยังขอความร่วมมือ ขณะที่มีขบวนเสด็จผ่าน ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมงดใช้เครื่องขยายเสียง
และชุมนุมด้วยความสงบ อย่างไรก็ตาม บรรยากาศบริเวณท้องสนามหลวง กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อสีแดง หรือ นปช. ยังคงมีการ
ปราศรัยเป็นปกติ เพื่อรอเวลาเตรียมตั้งขบวนยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ให้กับ พตท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บริเวณถนนฝั่งหน้า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในช่วงสายของวันนี้ด้วย
จตุพร ขึ้นเวทีพร้อมหน้าขอบคุณแดงดับทุกข์ทั้งแผ่นดิน
นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ร่วมจัดรายการความจริงวันนี้
บนเวทีถวายฎีกาดับทุกข์ทั้งแผ่นดิน ท่ามกลางประชาชนที่เดินทางมาถึงท้องสนามหลวงในขณะนี้ ทั้งนี้ นายวีระ
กล่าวบนเวทีปราศรัย แสดงความขอบคุณประชาชนที่เดินทางมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยระบุว่าประชาชน
ทุกคนที่เดินทางนั้น เดินทางกันมาด้วยกุศลจิต และสายฝนที่ตกโปรยปรายลงช่วงเช้า เปรียบเสมือนกับสิ่งที่สร้าง
ความชุ่มฉ่ำในจิตใจให้กับผู้เดินทางมาร่วมชุมนุม ส่วนผู้ที่พยายามดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อขัดขวางการถวายฎีกา
ขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็แสดงให้เห็นถึงการมี อกุศลจิต
ขณะที่ นายจตุพร ยืนยัน วัตถุประสงค์การชุมนุมในวันนี้ ตลอดจนการยื่นถวายฎีกาที่จะเกิดขึ้นว่า เป็นความตั้งใจดี
ที่ต้องการให้ประเทศไทย เกิดความผาสุกปราศจากความวุ่นวาย
สื้อแดง ถือฤกษ์ 09.29 น. ทำพิธีพราหมณ์ บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์
กลุ่ม นปช. ทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยใช้ฤกษ์เวลา 09.29 น. เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ โดยมีแกนนำ นปช. เข้าร่วมในพิธีอย่างเพรียง ทั้ง นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขณะที่ประชาชนยังคงทยอยเดินทางมาสมทบการชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ท้องสนามหลวงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บรรยากาศการชุมนุมคึกคักมากขึ้น ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบจาก กองบัญชาการตำรวจนครบาล นับพันนาย ซึ่งกระจายกำลังอยู่บริเวณโดยรอบการชุมนุมในขณะนี้ ขณะที่กิจกรรมบนเวทีถวายฎีกาดับทุกข์ทั้งแผ่นดินของกลุ่มคนเสื้อแดง กำลังมีการจัดรายการ ความจริงวันนี้ และมีการแสดงดนตรีเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดให้กับผู้ร่วมชุมนุมในเวลานี้ด้วย
รองนายกฯด้านความมั่นคง มั่นใจ ไม่มีความรุนแรง ในการชุมนุม
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึง การยื่นถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ให้กับ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนี้ว่า ตนไม่ได้ตั้งวอร์รูม เพื่อติดตามสถานการณ์และเชื่อว่า
จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรักษาความปลอดภัย ไม่ให้มีเหตุเกิด โดยขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน
มือที่ 3 จะสร้างสถานการณ์ แต่ก็ต้องติดตามการข่าว ทั้งนี้ ตนไม่เชื่อว่า กลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงิน จะเดินทางมาให้กำลังใจ นายเนวินชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่จะมาฟังคำพิพากษาที่ศาลฎีกา อย่างไรก็ตาม ตนขอให้กลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินและกลุ่มคนเสื้อแดงควรดำเนินการอยู่ในกฎ ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งชุดดำ เพื่อไว้ทุกข์ให้รัฐบาลนั้น เห็นว่า ตำรวจ ต้องแต่งเครื่องแบบ
น1. ประชุมประเมินสถานการณ์คนเสื้อแดง
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวก่อนเข้าประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณท้องสนามหลวง เพื่อยื่นถวายฎีกาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า โดยรวมขณะนี้สถานการณ์เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย การวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจุดต่างๆ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยมีชุดเจรจาต่อรองเข้าไปพูดคุยกับแกนนำและเป็นไปด้วยดี ส่วนการจราจรโดยรอบก็สามารถเคลื่อนตัวได้ตามปกติ และคาดว่าจะมีการยื่นถวายฎีกาในเวลา 13.19 น. อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังกล่าวอีกว่า ในการชุมนุมในวันนี้จะไม่ยืดเยื้อ พร้อมเร่งประสานแกนนำให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนเวลา 14.00 น. เนื่องจากจะมีขบวนเสด็จในบริเวณดังกล่าว แต่หากยืดเยื้อออกไปอีก ก็มีแผนรองรับ โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนำรั้วเหล็กกันแนวขบวนอย่างเต็มที่อยู่แล้ว เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุด
พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเสื้อแดงย้ำที่ผ่านมาถูกกลั่นแกล้ง ใส่ร้าย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินมายังกลุ่มผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวง โดยยืนยันว่ายังจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยที่ผ่านมา ตนถูกใส่ร้าย กลั่นแกล้ง ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง จนเป็นที่มาของการรัฐประหารในวันที่ 19 ก.ย. 2549 พร้อมกับมีการยัดเยียดข้อหา บิดเบือนความจริง บิดเบือนระบบกฎหมาย ซึ่งส่งผลให้ประเทศเกิดความตกต่ำขาดความน่าเชื่อถือ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า สีแดง ของพี่น้องไม่ใช่คอมมิวนิสต์ แต่เป็นเลือดรักชาติ
ทั้งนี้ ตนเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่เขาใช้เดิน เพื่อทำลายประชาธิปไตย วันนี้พวกเราจึงมากราบบังคมทูลฯเพื่อให้พ่อหลวงช่วย เพราะต้องการให้เกิดความปรองดองขึ้นในคนไทย วันนี้จึงเป็นช่องทางร้องทุกข์ของพวกเราเสื้อแดง คนที่หลงอำนาจเพียงไม่กี่คน อย่าพยายามเสี้ยมให้คนไทยทะเลาะกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้อ้างว่า ได้จัดทำโพลว่าประชาชน ร้อยละ 72 อยากได้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 กลับคืนมา นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดง ยังได้ร่วมกันร้องเพลงสดุดีมหาราชาด้วย
เสื้อแดง แน่นถนนหน้าพระลาน เตรียมส่งตัวแทนเข้ายื่นถวายฎีกา
กลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ทยอยลงมาปิดกั้นการจราจร บริเวณถนนหน้าพระธาตุ และ บริเวณสามเหลี่ยมถนนหน้าพระลาน
เรื่อยไปจนถึงหน้า ม.ธรรมศาสตร์ เพื่อให้ตัวแทนเป็นพระสงฆ์ 5 รูป และ ฆราวาส จำนวน 10 คน เตรียมยื่นฎีกา
ขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก
ที่ตั้งแถวและแผงกั้นรั้วเหล็กปิดกั้นบริเวณถนนสามแยกหน้าพระธาตุอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม จะเป็นตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ายื่นถวายฎีกา จำนวน 4 ล้านคน และเป็นรายชื่อของผู้ชุมนุมจำนวน 383 กล่อง ต่อ นายอินทร์จันทร์ บุราพันธ์ รองราชเลขาธิการ สำนักราชเลขาธิการ ทั้งนี้ รายชื่อผู้ถวายฎีกา
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะนำเข้าทางประตูพิมานไชยศรี อย่างไรก็ตาม สำนักพระราชวัง ได้นำแผงกั้นเหล็กมาปิดกั้น
บริเวณทางเข้าประตูวิเศษไชยศรี และห้ามกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้า-ออก พระบรมมหาราชวังเป็นการชั่วคราว จนกว่า
การถวายฎีกาจะเสร็จสิ้นลง
ทั้งนี้ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. พร้อมคณะแกนนำ จำนวน 10 คนและ พระสงฆ์ อีก 5 รูป เข้ายื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อ
นายอินทร์จันทร์ บุราพันธ์ รองราชเลขาธิการ สำนักราชเลขาธิการ ซึ่งออกมารับเรื่องแทนที่บริเวณหน้าประตูวิเศษไชยศรี
สำนักพระราชวัง ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เฝ้าดูแลและรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ นายวีระ ยังได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง อ่านฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม หลังจาก นายวีระ
ได้อ่านฎีกาเสร็จสิ้นลง กลุ่มผู้ชุมนุมได้สลายตัวกลับไปชุมนุมกันที่บริเวณท้องสนามหลวง ด้วยความสงบ โดยไม่มีเหตุการณ์
รุนแรงใดๆเกิดขึ้น
***************************************************************
เหตุผลที่คัดประเด็นนี้มาบันทึกไว้
1.ประทับใจการต่อสู้ของผู้ที่ใช้ชื่อ Login รักเสรีประชาธิปไตย (จากเว็บประชาไท)และรักเสรี (จากเว็บ IF)
2.ประทับใจการต่อสู่ของผู้ที่ใช้ชื่อ Login piengdin (ไม่แน่ใจว่าคนเดียวกับ "เพียงดิน" หรือเปล่า)
3.ต้องการศึกษาแนวทางกระบวนการต่อสู้ของคนเหล่านี้ "น่านับถือน้ำใจจริงๆ"
4.การใช้ภาษาเยี่ยม สุภาพ ไม่ใช้อารมณ์ในการตอบคำถามหรือแลกเปลี่ยนกับผู้เห็นต่าง
หมายเหตุ มีการตอบ พูดคุยกันอีกมาก ขอคัดเพียงเท่านี้
ขอบคุณและเป็นกำลังใจ แด่ผู้นำทุกท่าน
***************************************************************