วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

"ความดีไม่ได้มีไว้ขาย อยากได้ต้องชมตัวเอง"


"ความดีไม่ได้มีไว้ขาย อยากได้ต้องชมตัวเอง" 

  คือคำขวัญประจำวันนี้ สำหรับบรรดาคนไทย หัวใจอำมาตย์ ครับ


"คนไทยทุกคนควรภาคภูมิใจ และร่วมกันสืบสาน อนุรักษ์ภาษาของชาติไว้ให้มั่นคงยั่งยืน สนองพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยการใช้ภาษาไทยของคนไทย"

คือคำกล่าวของ อดีตนายกรััฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ไปเป็นประธานมอบรางวัล เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29ก.ค.2554 ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งถ้าใครได้ไปร่วมงาน2ปีซ้อน จะทราบดีว่าเป็นการชมตัวเองย้อนหลัง จากที่ตัวเองเคยได้รับรางวัลนี้เมื่อปี 2553 ตามคอนเซ็ป "ความดีไม่ได้มีไว้ขาย อยากได้ต้องชมตัวเอง" ที่ผมให้เป็นคำขวัญด้านบนนี้

และในปีที่อภิสิทธิ์ฯได้รับรางวัลนี้ ดูๆแล้วคล้ายกับเป็นปีที่แจกรางวัลในครอบครัวมากกว่าครับ เพราะเป็นการแจกรางวัลในลักษณะ ชงกันเอง-กินกันเอง เนื่องจากรัฐมนตรีวัฒนธรรมขณะนั้นที่ชื่อนิพิฏฐ์ฯก็มาจากพรรคประชาธิปัตย์ คนได้รับก็เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีพระที่ได้รับรางวัลพร้อมกับอภิสิทธิ์ ชื่อพระมิตซูโอะ ก็เป็นพระเขยของพรรคประชาธิปัตย์ ที่สึกออกมาอยู่กินกับโยมสีกา ที่เป็นพี่สาวแท้ของผู้สมัคร สส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งปัจจุบันเป็น ผอ.สถานีบลูสกาย และบุคคลอื่นที่ไม่อยากจะเอ่ยนามอีกมากมาย

มีอยู่ 2 ประเด็นที่ผมอยากจะพูดในโพสต์นี้ คือ หนึ่ง คำกล่าวของอภิสิทธิ์ และสองการกระทำของอภิสิทธิ์

หนึ่ง นายอภิสิทธิ์ฯ ได้กล่าวกับผู้ได้รับรางวัลไว้เองว่า การอนุรักษ์คำไทย เป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณฯ ที่ทรงห่วงใยการใช้ภาษา

สอง การกระทำของนายอภิสิทธิ์ฯ ซึ่งเคยได้รับรางวัลนี้เมื่อปี 53 เป็นประธานฯมอบรางวัล ปี 54 และเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี กลับพูดจาต่อสาธารณชน โดยใช้คำว่าอีโง่ กระหรี่ แรด ซึ่งเป็นการกระทำที่ คนไทยทุกคนเชื่อว่า มิได้เป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณ อย่างที่ได้เคยพูดเอาไว้ครับ

ก่อนพูด : เราเป็นนายคำพูด
หลังพูด : คำพูดเป็นนายเรา


อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ครับ คนเราโกหกคนอื่นได้แต่โกหกตัวเองไม่ได้ครับ คุณอาจจะโกหกคนไทยทั้งประเทศว่าพูดคำว่าอีโง่ แรด กระหรี่ลอยๆ ไม่ได้หมายถึงใคร แต่ตัวคุณรู้ดีว่าเจตนาที่คุณพูดต้องการสื่ออะไร คนไทยทั้งประเทศก็ทราบนิสัย ที่ชอบกระแนะกระแหนเหมือนผู้หญิง ของคุณดีและรู้ดีว่าคุณกำลังโกหกคนทั้งประเทศ เพียงแต่คนกลุ่มหนึ่งเคียดแค้นในสิ่งที่คุณพูด และคนอีกกลุ่มหนึ่งสนับสนุนในทุกสิ่งที่คุณพูด ถึงแม้มันจะเลวร้ายอย่างไรคนกลุ่มหลังนี้ ก็หลับหูหลับตาสนับสนุนคุณ โดยไม่ใช้สมองคิดครับ

สิ่งที่ดีที่สุดที่อภิสิทธิ์ควรจะทำในวันนี้ เพื่อมิให้วัฒนธรรมไทยเสื่อมเสีย เพื่อมิให้ระคายเคืองถึงสถาบันฯ และเพื่อเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณฯ อย่างที่ตัวเองเคยพูดไว้ คือ

อภิสิทธิ์ควรออกมาขอโทษ ในความหยาบคายที่ตัวเองพูดไว้ต่อสาธารณชน และเอารางวัลที่ได้ไปคืนกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีต่อคนรุ่นลูกหลาน ว่าคนทำผิดควรยอมรับผิด และสำนึกในสิ่งที่ตัวกระทำครับ

สำหรับท่านที่ไม่เคยเห็น อดีตนายกฯของไทย พูดคำว่า อีโง่ กระหรี่ แรด แบบเต็มปากเต็มคำ เชิญดูได้ที่นี่ครับ

http://youtu.be/mobZH6-0KT4

พรรคฝ่ายค้านของไทยกระทำตัวหยาบคาย (Thailand Opposition Behaving Badly)



เมื่อวันที่ 20 ก.ย. เว็บไซต์ ดิโพลแมต ซึ่งเป็นวารสารออนไลน์เกี่ยวกับการเมืองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้เผยแพร่บทความชื่อ พรรคฝ่ายค้านของไทยกระทำตัวหยาบคาย (Thailand Opposition Behaving Badly) เขียนโดยนายม็อง พาลาติโน นักเขียนและอดีตนักการเมืองรุ่นเยาว์ชาวฟิลิปปินส์

บทความดังกล่าวระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ของไทยได้ใช้วิธีก้าวร้าวและหยาบคายในการต่อต้านรัฐบาลของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลายครั้งในช่วงหลังที่ผ่านมา โดยยกตัวอย่างกรณีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ถูกเชิญออกจากสภา เนื่องจากส่งเสียงโหวกเหวกและไม่เคารพประธานรัฐสภา จนต้องเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ ซึ่งส.ส.ประชาธิปัตย์ก็เข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งด้วย หรือกรณีนายเชนทร์ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ประชาธิปัตย์ โยนเก้าอี้ 2 ตัวเพื่อแสดงอาการฟิวส์ขาด

นอกจากนี้ ผู้เขียนระบุว่ากรณีที่น่าตกใจที่สุดคือการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยมีภาพลักษณ์ว่าเป็นคนสุภาพ กลับใช้ถ้อยคำหยาบคายบนเวทีปราศรัย โดยเรียกน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า ยิ้ม ซึ่งถึงแม้นายอภิสิทธิ์จะปฏิเสธว่าไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่การกระทำเหล่านี้ได้ทำให้ประชาชนจำนวนมากรู้สึกผิดหวังกับพรรคประชาธิปัตย์ แม้แต่ในหมู่ผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเอง

ทั้งนี้ ผู้เขียนบทความดังกล่าวระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์มีสิทธิเต็มที่ในการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล เช่นประเด็นความเดือดร้อนของม็อบชาวสวนยางพารา และตรวจสอบการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ แต่การใช้ถ้อยคำและการกระทำที่หยาบคาย จะเป็นการดึงความสนใจของประชาชนออกจากจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์เสียเอง

นายพาลาติโนยังกล่าวด้วยว่า มีประเด็นทางสังคมจำนวนมากที่พรรคประชาธิปัตย์ควรนำเสนอต่อสาธารณชน แต่พรรคฝ่ายค้านดังกล่าวกลับยังเลือกวิธีที่ไม่เหมาะสมในการโจมตีรัฐบาล

สำหรับ ดิโพลแมต เป็นวารสารออนไลน์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2545 และมักตีพิมพ์บทความวิเคราะห์ทางการเมืองจากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลาย


วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

คนจีนสนุก .... คลื่นยักษ์สูงท่วมหัวซัดเทกระจาดคนดู

คนจีนสนุก..คลื่นยักษ์สูงท่วมหัวซัดเทกระจาดคนดู
สำนักข่าวประเทศจีนรายงานว่า อิทธิพลจาก พายุไต้ฝุ่นจ่ามี ซึ่งพัดขึ้นชายฝั่งช่วงรอยต่อ มณฑลฝูเจี้ยนและมณฑลเจ้อเจียง เมื่อวันพฤหัสบดี (22 ส.ค.) ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง คลื่นลมทะเลสูง หลายเมืองตามชายฝั่งทางด้านตะวันออก ต้องสั่งอพยพผู้คนเป็นการชั่วคราว
ขณะที่สถานการณ์อุทกภัยที่เมืองไห่หนิง มณฑลเจ้อเจียง กลับกลายเป็นเทศกาลสนุกสนานและเสี่ยงตายของประชาชน เมื่อผู้คนจำนวนมากแห่กันไปชมปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ริมแม่น้ำ เฉียนถัง ซึ่งมักจะเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูงผิดปกติ กลายเป็นคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ ซัดเข้าชายฝั่งจนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกเป็นประจำทุกปี
ตามรายงานระบุว่า ประชาชนต่างไม่สนใจประกาศเตือนเรื่อง พายุไต้ฝุ่นจ่ามี ที่จะทำให้คลื่นทะเลมีความรุนแรงยิ่งขึ้น ผู้คนนับพันคนต่างเข้ารอให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูงอยู่ตามแนวเขื่อน กันคลื่น ใช้เวลาไม่นานนักก็เกิดคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ สูงกว่า 5 เมตร ซัดเข้าสู่ชายฝั่ง ทำให้ผู้คนต่างวิ่งหนีกันอลหม่าน บางคนถูกคลื่นน้ำกระแทกจนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่รถยนต์และจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ใกล้เคียงก็ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน
สำหรับปรากฏการณ์คลื่นน้ำทะเลหนุนสูงผิดปกติที่เมืองไห่หนิง หรือ Tidal Bore กลายเป็นเทศกาลประจำฤดูกาลของคนท้องถิ่น ซึ่งจะเกิดขึ้นเป็นประจำในเดือนสิงหาคม ถึง ตุลาคม ของทุกปี ประชาชนนับพันจะแห่กันมาชมคลื่นยักษ์และยินยอมที่จะถูกคลื่นซัดใส่จนเปียก โดยมองว่าเป็นความสนุกสนานแบบหนึ่ง ซึ่งในแต่ละปีจะมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากปรากฏการณ์ดังกล่าว





5utmPL.JPEG [640x422px] ฝากรูป
ขอบคุณข้อมูลจาก

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

พาไปชมบรรยากาศงานสวดคุณสายัณห์ สัญญา ณ วัดไร่ขิง คืนวันที่ 14 กันยายน 2556

[IMG]


...น้อมคารวะคุณมิราช..
ผู้บึนทึกภาพพร้อมถ่ายทอดเหตุการณ์งานสวดนักร้องชื่อดังของเมืองไทย
คุณสายัณห์ สัญญา
ขออนุญาตนำมาบันทึกเผยแพร่ในบล็อกนี้เพื่อรำลึกถึงนักร้องชื่อดังผู้จากไป
ด้วยความขอบพระคุณอย่างยิ่ง  ..เสมือนหนึ่งได้ไปร่วมงานด้วยตนเอง..
************************************

เริ่มจากถนนเพชรเกษม หลังผ่านสี่แยกบางแคที่กำลังสร้างรถไฟฟ้า มาแล้ว รถเยอะวันเย็นวันเสาร์ตามระเบียบ

[IMG]
เลยทางแยกเข้าพุทธมณฑลสาย 5 มาแล้ว ไม่ไกลก็เจอป้ายบอกทางไป วัดไร่ขิงแล้ว

[IMG]
เส้นทางมันยาวไกล ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ตอนนี้ใกล้จะถึงปากทางเข้าวัดไร่ขิงแล้ว อยู่ทางขวามือ

[IMG]
เจอปากซอยทางเข้าวัดไร่ขิงแล้ว อยู่ฝั่งตรงข้าม มีแท่งปูนปิดห้ามเลี้ยวขวา ต้องไปกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีนข้างหน้า ไม่ไกลนัก



[IMG]
กลับรถมาแล้ว เจอป้ายบอกทางเข้าอีกอัน อยู่ฝั่งเดียวกันละ ใกล้เป็นความจริง ลืมบอกไปว่าผมขี่มอเตอร์ไซด์ไปนะครับ จึงรู้สึกว่าไกลมากๆ แต่ถ้าเอารถยนต์ไป เจอติดแบบนี้คงถึงสัก 2 ทุ่มไม่ต้องไปสวดกันแล้ว ตอนนั้นเวลาประมาณเกือบทุ่มแล้ว วัดนอกเมืองคงยังไม่สวด

[IMG]
ถึงทางเข้า ถนนเลียบแม่น้ำท่าจีน เพื่อไปยังวัดไร่ขิงแล้วละครับ

[IMG]
เข้ามาแล้ว ยังอีกไกลนะครับ ถนนดีกว่าแต่ก่อนเยอะ


[IMG]
ใกล้วัดไร่ขิงเข้าไปทุกที เริ่มมองเห็นลำแสงส่องขึ้นฟ้าที่กวาดไปมา เหมือนบอกว่ากำลังมีงาน

[IMG]
ในที่สุดก็ถึงวัดไร่ขิงแล้ว รถไม่ติดมากอย่างที่คิด ติดแถวๆ หนองแขมเท่านั้น พอเลยสาย 5 ไปก็วิ่งฉลุย

[IMG]
แต่..ที่จอดรถในวัดเต็ม รถยนต์ต้องวิ่งเลยวัดไปหาที่จอดข้างหน้า แต่ผมใช้มอเตอร์ไซด์เลยเ้ข้าไปได้ ไปจอดตรงโรงเรียนวัดไร่ขิง หน้างานเลย

[IMG]
เข้าไปจอดรถแล้วเดินออกมา โอ้โฮ..เวทีคอนเสริ์ทอยู่ข้างหน้า ดูแล้วเหมือนเป็นงานวัดเลย

[IMG]
มองไปทางซ้าย เป็นร้านค้าสองข้างถนน พี่เป้าเป็นคนดัง มีคนรู้จักมาก งานนี้ต้องจัดใหญ่และจัดยาว ศาลาสวดอยู่ข้างหน้า ตรงเต็นท์ขาวๆ ฝั่งซ้ายมือโน้น

[IMG]
เดินมาเล็กน้อย มองไปทางขวา เป็นทางแยกไปทางเข้าเวทีคอนเสริท มีร้านค้าเช่นกัน

[IMG]
มาถึงแล้ว ด้านหน้าศาลาสวดศพพี่เป้า มีผู้คนมากมายออกันตรงทางเข้า มีป้ายรูปพี่เป้าด้วย พร้อมพวงหรีดเรียงรายกัน
[IMG]
ตรงทางเข้าศาลาสวด มีแถวโต๊ะตั้งจำหน่ายเพลงและ VCD แสดงสดของพี่เป้าในอดีต ผมยังอุดหนุนมาหนึ่งชุด มี 3 แผ่นราคา 300 บาท ส่วนแผ่นเพลงราคา 100 บาท เงินช่วยเหลือครอบครัวพี่เป้า (คงหมายถึงกำไร)

[IMG]
มีน้องๆ นักศึกษามาช่วยจำหน่ายภาพที่ระลึกของพี่เป้าด้วย

[IMG]
ทางเข้าด้านหน้าศาลาสวด ตอนนี้ได้เริ่มสวดพระอภิธรรมแล้ว

[IMG]
รีบเข้าไปในงานดีกว่า โอ้โฮ..คนเยอะ มีที่นั่งสวดมากขนาดนี้เลย

[IMG]
ลองเก็บภาพแบบมุมกว้างพาโนรามาบ้าง
[IMG]
เดินกลับมาตรงทางเข้า โอ้โฮ..พวงหรีดกองมหึมา มากมายจริงๆนี่แค่สวดคืนที่ 3 นะครับ ตรงนี้เป็นช่องทางเดินเข้าไปข้างในได้ด้วย

[IMG]
มองไปทางขวา เห็นบริเวณเจ้าภาพและพระสวดอยู่ไกลๆ ตรงนี้จะเห็นตู้รับบริจาค คงใช้ทำบุญสำหรับการสวดในคืนนี้นะครับ

[IMG]
ด้วยความอยากได้ภาพ การจัดงานข้างใน เลยลองลุยเข้าไปดู ใจก็กลัวเขาจะไม่ให้เข้าเพราะผมไม่ได้เป็นช่างภาพ แต่ น้องๆ เ้จ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ ที่ดูแลเรื่องการเข้าออกบริเวณนี้ก็ไม่ได้ห้ามอย่างไร กลับยิ้มให้ด้วยผมเลยได้ภาพนี้มา ไม่ทันสังเกตุว่า ผู้ชายที่นั่งด้านหน้าคือใคร มารู้เอาทีหลัง...ว่าเ็ป็น สส.องอาจ ใจผมอุตส่าห์คิดว่าไม่ใช่ คิดว่าเป็นต้อม เรนโบว์ ด้วยซ้ำ

[IMG]
พอดี พระสวดจบแรกเสร็จ ก็มีการถ่ายภาพกัน ผมเลยสวมรอยเ้ข้าไปช่วยรุมถ่าย ได้ภาพแขกผู้มาร่วมงาน เห็นแฟนพี่เป้านั่งอยู่ทางขวา ส่วนทางซ้ายเป็นแฟนคุณยอดรัก แต่โดนบังพอดี

[IMG]
ระหว่างนั้น ได้จังหวะไปเก็บภาพที่ตั้งศพพี่เป้า ที่อลังการมาให้ดูกัน ภาพในมุมนี้จะไม่สามารถถ่ายได้อีก เพราะคนเยอะจริงๆ หลังจากสวดเสร็จ

[IMG]
ผมถอยออกมาด้านหลัง มาหาที่นั่งสวดกับเขา ในจบสุดท้าย

[IMG]
ลองใช้กล้องซูมภาพหน้าที่ตั้งศพจากระยะไกลอีกที

[IMG]
ตอนนี้พระสวดเสร็จแล้ว กำลังถวายผ้า และกรวดน้ำ ผมลองซูมภาพพระ และแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์งานพี่เป้า เพิ่งสะดุดตาว่า พี่เป้าได้เปลี่ยนชื่อไปเป็น "พรสายัณห์ มีโชคดีเสมอ" นับเป็นนามสกุลที่ยาวพอดู เหลือบเห็นผู้คนยืนเกาะลูกกรงด้านหลังพระ เดี๋ยวผมจะเดินไปเก็บภาพจากมุมนั้นมองกลับเข้ามาบ้างครับ

[IMG]
มีช่องเล็กๆ พอมองลอดผ่านเข้าไปได้

[IMG]
คนดูเยอะจริงๆ จากริมรั้วด้านนี้ เ้ข้าด้านหน้าไม่ได้ ก็เข้าด้านข้างแทน
[IMG]
เดินกลับไปเข้าด้านหน้าเช่นเดิม ตอนนี้กำลังผ่านแผงพวงหรีดด้านนอก มีจักรยานใครอยู่ด้วย

[IMG]
มีทีวี(วงจรปิด) อยู่ด้วย แสดงภาพนิ่งของพี่เป้าในวัยหนุ่ม หล่อไม่น้อยเลย

[IMG]
แหงนขึ้นไปดูโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งานข้างบน เป็นรูปพี่เป้าสมัยแรกรุ่น สังเกตุว่าเคราแพะได้ไว้ตั้งแต่นั้นมาแล้ว
[IMG]
กลับเ้ข้างานอีกที คนเยอะมากๆ ต้องเบียดเข้าไปกันเลยครับ


[IMG]
เบียดคนเข้ามาได้ ข้างในคนไม่แน่นนัก ด้านในสุดเป็นเวทีเทศน์มหาชาติ งดงามมาก

[IMG]
มองไปทางขวามือเป็นการจัดแสดง ดินแดนหิมพานต์ ถ้ามีเวลาน่าเข้าไปชมอย่างละเอียด

[IMG]
มองไปทางด้านที่ตั้งศพ คนยังเยอะ ยืนถ่ายรูปกันแน่น

[IMG]
นักข่าวกำลังจะสัมภาษณ์ครอบครัวพี่เป้า ดูๆแล้ว ลูกสาวคนที่กำลังถูกติดไมค์ที่เสื้อ หน้าตาคล้ายกับคุณแอ๊บ ส่่วนคุณแม่ด้านข้างดูคล้ายคุณอุทุมพร

[IMG]
ท่าทางจะยาวนาน... ผมจึงพยายามหามุมถ่ายภาพด้านหน้าที่ตั้งศพ จากฝั่งขวามือ (ก่อนหน้านี้ถ่ายจากด้านซ้ายมือ) จะได้เห็นความแตกต่าง รูปขาวดำของพี่เป้านี้ น่าจะเป็นสมัยวัยรุ่นเลย หน้าตาต่างจากรูปอื่นๆมาก น่าจะสมัยร้องเพลง "รักคุณเท่าฟ้า" โน้นเลย

[IMG]
มองมาทางขวาของที่ตั้งศพ เป็นมุมจัดแสดงภาพพี่เป้าในสมัยที่ยังรุ่งเรือง

[IMG]
ภาพส่วนใหญ่จะเคยเห็น แต่ภาพนี้ผมไม่เคยเห็น แสดงความเป็นพ่อได้ดี หนวดเฟิ้มเชียว เหมือนเป็นนัยๆว่าหวงลูกสาวนะ

[IMG]
และตรงนี้เป็นภาพวาด จากแฟนพันธุ์แท้ของพี่เป้า คุณมนเทียร (เงาเสียง)

[IMG]
ก่อนอำลาพี่เป้า ขอเก็บภาพในจุดที่ผมอยู่ใกล้ร่างพี่เป้ามากที่สุด นึกไม่ถึงว่าวันนี้ของพี่จะมาถึงเร็วอย่างนี้ ใจยังคิดว่าจะได้เห็นพี่เป้าลงเล่นการเมืองในนามพรรคเพื่อไทย ในเร็วๆ นี้ด้วยซ้ำ

[IMG]
ขอซูมภาพถ่ายหน้าศพของพี่อีกครั้งชัดๆ สังเกตุที่เสื้อสีแดง แสดงความชัดเจนถึงนักสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่รู้ว่าพี่เป้าได้สั่งเสียไว้ก่อนหรือเปล่าสำหรับรูปนี้

[IMG]
ตอนเดินกลับออกมา เก็บภาพพวงหรีดตรงทางเข้าอีกที สังเกตุดีๆ มีของคุณทักษิณ ด้วย (อยู่เหนือโบว์แดง)

[IMG]
หันไปดูทางซ้ายมือ มีศาลาไม้อยู่ ข้างในเป็นที่ตั้งหุ่นศิลปินนักแสดงที่มีชื่อเสียง ซึ่งจะมีการปั้นหุ่นพี่เป้าเข้าไปเพิ่มในนั้นด้วย

[IMG]
เข้าไปดูหุ่นใกล้ๆ


[IMG]
โอ๊ะ...เกือบลืมสิ่งสำคัญสำหรับการมางานศพ คือ "กำหนดการบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรม" อันนี้จะถือเป็นหลักฐานในทางประวัติศาสตร์ได้เลยนะครับ เพราะเมื่องานเสร็จเขาก็มักจะลบข้อความเหล่านี้ทิ้งไปหมด
[IMG]
ตอนนี้ถือว่าเสร็จภาระกิจที่ตั้งใจไว้แล้ว ออกไปรีแลกซ์ดีกว่า ข้างนอกเป็นร้านค้าเหมือนงานวัด หาอะไรเข้าท้องกันนะครับ

[IMG]
ข้างนอกมีเสียงดนตรีดังกระหึ่มมาก (เสียงเบส) ลองเดินมาดูเวทีคอนเสิร์ทกันหน่อย ยังไม่เริ่มก็ริ่มมีคนถือเก้าอี้มาจับจองแล้วครับ

[IMG]
เดินมาตรงทางเข้า ค่าเก้าอี้ชม (คือค่าผ่านประตูนั่นแหละ) คนละ 50 บาท ถ้าผมมีเวลาจะเข้าไปอุดหนุนเลย แต่ต้องรีบกลับบ้าน

[IMG]
ถัดมาทางซ้าย เป็นโต๊ะจำหน่ายแผ่น CD เพลงของพี่เป้า บังเอิญผมซื้อแล้วตรงหน้าศาลาสวด เลยขอแค่ดูเพลงชุดเก่าที่ผมสูญหายไป แต่ไม่พบเลยไม่ได้์ซื้อเพิ่ม

[IMG]
ตรงนี้แนวตรงกับหน้าเวทีพอดี ลองใช้กล้องซูมดูจากระยะไกลนอกรั้ว ใกล้เปิดการแสดงแล้วครับ



[IMG]
ระหว่างนี้ผมไปหาอะไรทานและเข้าสุขากัน ไม่นานก็ได้ยินเสียงเพลงร้อง ผมก็กลับมาดูข้างรั้ว เหมือนสมัยเด็กๆ (เพราะตอนเด็กๆ ไม่มีเงินเ้ข้าไปดูคอนเสิร์ท จะว่าไปแล้ว ปัจจุับันก็ยังไม่ค่อยได้ซื้อตั๋วดูคอนเสิร์ท มันแพงเสียดายเงิน ล่าสุดไปยืนริมรั้วก็ ไมเคิล แจ๊คสันมาเมืองไทยที่สนามศุภฯ โน้น) แต่ครั้งนี้ ผมไม่มีเวลาจริงๆ แค่เงิน 50 บาทอยากจะเข้าไปบริจาคให้ด้วยซ้ำ

[IMG]
ตอนนี้มีนักร้อง เงาเสียงคุณสายัณห์ร้องอยู่ เพลง"ความรักเหมือนยาขม" พอจำชื่อได้ว่า คุณศรีไพร ชอบตรงหางเครื่องนี่แหละชุดสวยมาก แวววับนานๆ ได้เห็นที

[IMG]
คนนี้เป็น คุณเรียม ดาราน้อย กำลังครวญเพลง "ที่รักเรารักกันไม่ได้" ชอบหางเครื่องอีกแล้วครับ ขาสวยมากๆ อย่างนี้เอง หัวหน้าวงดนตรีจึงมักชอบหางเรื่อง งามแท้ๆ ครับ

[IMG]
อีกท่านเป็น สาวสวย จำไม่ได้ว่าเป็นเงาเสียงใคร

[IMG]
ลองเ็ก็บภาพทั้งเวทีอีกครั้งก่อนเดินออกไปจากตรงนี้


[IMG]
ลองเดินอ้อมหลังเวทีมาดูอีกด้าน ฝั่งนี้มีร่มบังอยู่ คุณรุ่งเพชร แหลมสิงห์ กำลังร้องเพลง "ฝนเดือนหก" ฟังแล้วขนลุก เพราะเป็นเพลงสมัยผมยังเด็กๆ สมัยที่เรียนชั้นอนุบาลอยู่ ไม่น่าเื่ชื่อว่าตอนนี้ผมอายุจะเข้าเลข 5 แล้วยังมีโอกาสได้ยินเสียงคุณรุ่งเพชร สดๆ ต่อหน้าอย่างนี้ ใครได้มาดูคอนเสิร์ทนี้นับว่าได้กำไร เพราะได้มีโอกาสเห็นนักร้องเก่าๆ มาร้องเพลงให้ฟัง เหมือนนั่งไทม์แมชีนย้อนเวลาไปเลย และที่สำคัญมากันหลายท่านด้วย เรียกว่าชุมนุมนักร้องในอดีตเลย คุ้มจริงๆ และผมคิดว่า คอนเสิร์ทอำลาครั้งสุดท้ายของพี่เป้าที่จะไปจัดในห้างเดอะมอลล์บางกะปิ ถ้าได้จัด(คือพี่เป้ายังไม่ตาย) คงเป็นคอนเสิร์ทอย่างมีระดับ เหมือนศิลปินในอดีตท่านอื่นได้รวมวงจัดเป็นการเฉพาะกิจเลย น่าเสียดายจริงๆ ครับ

[IMG]
ซูมหน้าคุณรุ่งเพชรชัดๆ ว่าใช่ตัวจริงเสียงจริงนะครับ เสียงไม่ตกเลย แถมเสียงกบร้อง อ๊บ อ๊บ ยังทำได้ชัดเจนมาก

[IMG]
ตอนแรกผมตัดใจเดินกลับออกมาหลังเวทีแล้ว แต่ได้ยินโฆษกบอกชื่อนักร้องท่านถัดไปที่จะขึ้น คือ คุณสัญญา พรนารายณ์ ผมต้องรีบเดินกลับเข้าไปดูอีกที คุณสัญญา พรนารายณ์นี้เป็นนักร้องรุ่นราวคราวเดียวกับพี่เป้าสายัณห์ สัญญาเลย ในตอนแรกตั้งชื่อตัวเองว่า สัญญา สายัณห์ โดยมีเพลงเอกของตัวเองชื่อ สัญญาเมื่อสายัณห์ ที่เนื้อร้องขึ้นต้นว่า "จากปากช่องมา..." เพราะท่านเป็นคนปากช่องจริงๆ จนเกิดความสับสน พี่เป้าจึงขอให้ผู้ใหญ่เคลียร์เรื่องนี้ เพราะคนมาจ้างผิดจ้างถูก แถมเสียงคล้ายกันอีก จนต้องเปลี่ยนชื่อเป็นสัญญา พรนารายณ์ เพราะสังกัดวงดนตรีชื่อ พรนารายณ์ อยู่แล้ว แต่ก็ร้องไม่นานก็เลิก ไปทำสวนที่บ้าน จนปัจจุบันได้กลับมาร้องตามร้านอาหาร แทบไม่น่าเชื่อว่า ผมเพิ่งค้นข้อมูลประวัติของท่านเมื่อคืนวานเอง ท่านอายุ 57 ปี อ่อนกว่าพี่เป้า 3 ปี แต่ยังดูหน้าตาสดใสเหมือนคนอายุ 40 กว่าๆ เอง เสียงก็ใสมากคล้ายคุณศรชัย เมฆวิเีชียร (ไม่มีลักษณะแหบมหาเสน่ห์ดังพี่เป้าของเรา)

[IMG]

เป็นภาพสุดท้ายก่อนออกมาจากงาน ความจริงแ้ล้วยังมีนักร้องอีกท่านที่เป็นเงาเสียงพี่เป้า คือ คุณสายัณห์ ดีนิรันดร์ที่ร้องเพลง "สุโขทัยระทม" ขึ้นต้นด้วยคำว่า "บ้านพี่อยู่สุโขทัย เพราะบ้านพี่ไฟไหม้..." อายุปัจจุบันเพียง 43 ปี แต่น่าเสียดายที่เป็นโรคเบาหวานอย่างหนัก แฟนทิ้ง หมดเนื้อหมดตัว (แฟนเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่าถูกฆ่าตาย จากแฟนคนใหม่อย่างโหดเหี้ยม มาหลายปีแล้ว) ต้องมาขับวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างแถวๆ โรงกษาปณ์ ต่อมาไปขายอาหาร ยังเคยมาออกทีวีในสภาพผอมโทรมมากๆ ไม่รู้ว่างานนี้จะมีคนเชิญมาร้องเพลงในฐานะ เงาเสียงพี่เป้า ด้วยหรือเปล่า

เสียงพี่เ้ป้ามีเอกลักษณ์เครือแหบ ทำให้ดูมีเนื้อของเสียง แปลกไปจากเสียงนักร้องลูกทุ่งในอดีตทั่วไปที่มักร้องเสียงสูงเพียงอย่างเดียว แต่น่าเสียดายที่เส้นเสียงของพี่เป้าได้อักเสบจนต้องหยุดร้อง และต้องรักษาจนเสียงได้เปลี่ยนไป ตั้งแต่ชุดความรักเหมือนยาขม และปัจจุบันได้ทุ้มต่ำลงไปอีก ในขณะที่เงาเสียงหลายคนยังเลียนเสียงเดิมแรกๆ หรือรุ่นความรักเหมือนยาขมกันได้ คงเป็นเพราะพี่เป้าโหมงานหนักมากในช่วงนั้น โดยเฉพาะเสียงในเพลง "หนาวลมที่เรณู" นั้นผมถือว่าสุดๆ เลย ถ้าใครร้องได้เหมือนต้นฉบับ ผมจะมองเห็นภาพในอดีตเลยครับ

งานนี้ผมคิดว่าบรรดานักร้องทุกท่านที่เคยนำเพลงพี่เป้าไปร้อง หรือร้องจนดูเป็นเงาเสียงน่าจะได้มาร้องบนเวทีคอนเสิร์ทนี้นะครับ เหมือนตอบแทนพี่เป้า เช่น คุณก๊อต จักรพรรณ  คุณหนู มิเตอร์ คุณอ๊อด โอภาส เป็นต้น ครับ

...............................................................
 http://www.dangdd.com/threads/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%AB%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2-%E0%B8%93-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-14-%E0%B8%81%E0%B8%A2-56.121631/

บันทึกข้อมูลวันที่ 16 กันยายน 2556
.............................................................. 

เรื่องราวน่ารู้จากคุณมิราชต่อ...ขอบคุณจริงๆ


     ในอัีนที่จริงการชื่นชอบนักร้องลูกทุ่งสมัยก่อนนั้น ถือได้ว่าชอบเสียงมากกว่าชอบหน้า เพราะไม่ค่อยออกสื่อ ผมยังเคยได้ยินคำพูดของครูเพลงดังสมัยก่อน (จำชื่อไม่ได้) ว่าการเปิดตัวให้เห็นหน้าตานักร้องสมัยก่อนนั้นถือเป็นสิ่งที่มีค่า เป็นความลับ เหมือนฮ่องเต้.. เรียกได้ว่าอยากจะเห็นหน้าต้องไปดูในเวทีการแสดงเท่านั้น ต่างจากปัจจุบันกลับต้องให้เห็นหน้าเร็วๆ เห็นบ่อยๆ เห็นในชินตาจนคนรู้สึกชื่นชอบ จึงทำให้นักร้องสมัยก่อนหน้าตาไม่ดีก็ได้ แต่ขอให้เสียงดีก็พอ แต่จะว่าไปแล้วเสียงดีก็ยังไม่พอ จะดังต้องมีการโปรโมทจาก รายการเพลงทางวิทยุ (ทรานซิสเตอร์..ฮา) เป็นประจำ บ่อยครั้งที่ค่ายผู้ผลิตเพลงต้องจ้างดีเจให้เปิดเพลงใหม่ของตน สำหรับผมที่ชื่นชอบเพลงลูกทุ่ง บอกตรงๆ ก็คือโรงภาพยนต์ประจำตำบลที่ผมอยู่ ตอนที่ได้ยินบอกได้ว่า รำคาญมากๆ เพราะพี่แกเล่นเปิดใส่หู ดังจนอ่านหนังสือเรียนไม่ได้ ฟังวิทยุเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง กรอกหูทุกวันๆ จนภาพยนต์ฉาย ประมาณ 2 ทุ่ม บางทีคนไม่เต็มโรงก็เปิดไปถึง 3 ทุ่ม เพลงมาร์ชดังแล้วดังอีก เพลงลูกทุ่งจึงแทรกซึึมเ้ข้าไปในสายเลือด คงไม่ใช่ผมคนเดียว เด็กๆ ในตลาดก็คงเป็นเช่นผมหลายคน

การเปิดวงเล่นดนตรี นั้นจะเห็นได้ว่า กว่านักร้องเจ้าของวงจะออก ก็ใกล้จะเลิก เช่นเริ่มเล่น 2 ทุ่ม ก็จะมีนักร้องในวงสลับกันมาร้อง และตลกคั่นรายการ เกือบ 5 ทุ่มถึงจะออก โดยเฉพาะพี่เป้านี่ ถือว่าสุดๆ กว่าจะออกมาโชว์ตัว เพลงแรกที่ร้องคือ "ล้นเกล้าเผ่าไทย" จบแล้วก็ไม่ออกมา มีแต่เสียง..ฮา เพลงสอง "นักเพลงคนจน" ร้องจนเกือบจบ ท่อนสุดท้ายถึงได้โผล่ออกมา เรียกเสียงปรบมือกึกก้อง กลบเสียงร้อง เสียงดนตรี หลังจากนั้นพี่เป้าก็จะคุย ออดอ้อนอย่างที่เคยได้ยินกัน "รักน้อยๆ แต่ให้นาน" ซึ่งคำนี้ได้นำมาเป็นคำพูดต้นเทปเพลงในชุด "ความรักเหมือนยาขม"
[IMG]
น่าเสียดายที่ตลับเดิมของผมได้สูญหายไปจากเพื่อนสมัยเรียนที่ชอบยืมฟัง ยืมไปยืมมาก็หายทั้งตลับและกล่อง จำไ้ด้ดีว่าตลับเดิมเป็นโปร่งใส ผมจึงไปหาซื้อมาใหม่ ได้อย่างที่เห็น ซึ่งรูปพี่เป้าตลับเดิมจะเป็นดังตลับข้างล่างนี้
[IMG]
แต่ตลับนี้กลับเป็นตลับสำหรับร้องคาราโอเกะ ใช้ความเป็นสเตอริโอของเทปมาช่วย คือ แชลแนลซ้ายมีแต่เสียงดนตรี ในขณะที่แชลแนนขวามีเสียงคนร้องรวมกับเสียงดนตรี
[IMG]
ชุดถัดมาติดๆ กันเหมือนแพ็คคือ ก็คือชุด"ไม่มีวัน" ซึ่งออกมาพร้อมๆกับ ชุด"ความรักเหมือนยาขม" ถึงกับมีภาพหน้าปกเทปชุดความรักเหมือนยาขมติดมาด้วย เป็นการช่วยโปรโมทซึ่งกันและกัน โชคดีที่เทปตลับนี้ผมยังอยู่ ตัวกล่องเป็นแบบโปร่งใส

แต่ชุดที่ผมชอบและหาไม่ได้จนปัจจุบันในรูปแบบแผ่น CD ก็คือชุด "อยากกินคนใจดำ"
[IMG]
ชุดนี้มีรูปพี่เป้านั่งคุกเข่ารับดอกไม้พวงมาลัยเต็มคออยู่บนเวที ชุดนี้เพลงเพราะเกือบทุกเพลง

ชุดถัดมาที่ผมชอบ และโ่ด่งดังมาก เืชื่อว่าหลายคนคงรู้จักคือ ชุด "อกหักซ้ำสอง"
[IMG]
เพลงที่ประท้ับใจผมมากคือ "อยู่กับความผิดหวัง" ความรักในอดีต รักครั้งแรกของผมก็อยู่กับชุดนี้หลายเพลง ความรักที่งอกงามของผมก็มาเติมเพิ่มให้อีกด้วยเพลงชุด "เปิดเทอมรอรัก"

[IMG]
เพราะผมและอดีตคนรักคนแรก ก็ยังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษานั่นเอง ในชุดนี้เรียกน้ำตาได้ 2 เพลงคือ น้ำตานาง กับ คิดถึงเธอแทบขาดใจ ผมจำเหตุการณ์นั้นได้ไม่ลืม ที่อดีตคนรักผมไปเรียนเพิ่มเติมที่กรุงเทพฯ ช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน

เป็นที่น่าประหลาดใจจาก ประวัติในวิกิพีเดีย และเห็นในเน็ตว่า พี่เป้าเคยเล่นหนังมาหลายเรื่องเช่นนักรักนักเลง หรือเรื่องอื่นๆ แต่กลับตกเรื่องนี้ไปได้อย่างไร เรื่องนี้ผมเข้าไปดูเองที่เชียงใหม่ ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ด้วย
[IMG]
เรื่องนี่ พี่เป้าน่าสงสาร โดนตีหัวตกน้ำตาบอด ถูกฉุดแฟนคือคุณสุพรรษาไป แต่ภายหลังก็กลับมาดูแล พี่เป้าก็งอน เพลงฟ้าบันดาลนี้ดังก้องอยู่ใจตลอด ฟังทีไรน้ำตาซึมเหมือนกัน

และอีกชุดที่เรียกน้ำตาผมได้ คือ ชุด "วอนหาคู่"
[IMG]
เมื่อครั้งที่ไปเยี่ยมบ้านคนรัก แล้วเธอก็ให้รูปถ่ายผม ผมนำกลับมาที่มหาวิทยาลัย ฟังเพลง "เดือนไม่มีหัวใจ" น้ำตาก็ไหลพรากๆ (ตอนนั้น ผมรับบทเป็นชายเจ้าน้ำตา จริงๆ) ในชุดนี้เพลงที่ดังกลับเป็นเพลง "หนาวลมที่ลำนารายณ์" ฟังชื่อแล้วนึกถึงบรรยากาศหน้าหนาวที่นั่นจริงๆ มันแห้งแล้งมาก (ปัจจุบันคือ อำเภอชัยบาดาล จ.เพชรบูรณ์ นะครับ) กับเพลงรักขมกว่ายา ตั้งชื่อเหมือนออกมาแก้เพลง "ความรักเหมือนยาขม" อ้อ..อีกเพลงก็ หลบเลียแผลใจ ชวนให้นึกถึงกวาง เอ๊ย แมวที่มักจะเลียแผลตัวเอง ยามบาดเจ็บ

มาถึงเพลงอีกชุดที่โด่งดัง ไม่แพ้กัน คือชุด "วานนี้รักวันนี้ลืม"
[IMG]
ผมซื้อเป็นชุดคาราโอเกะ เพราะถือว่าได้ 2 ต่อ ปกเทปข้างในมีรูปผู้แต่ง คุณชลธี ธารทอง และ คุณวิไล พนมด้วย กับปกเทปอีก 3 ชุดเพื่อโปรโมท ซึ่งผมมีแต่หาไม่พบคือ ชุด "สะใจหรือยัง" 

ในชุดนี้มีเพลง "เก็บเศษแก้ว" ประทับใจผมในการไปเที่ยว ถ้ำเชียงดาว วันนั้นผมเดินเข้าไปคนเดียว มีไฟนีออนอยู่่ใ่นถ้ำ จนท.บอกว่า ถ้าไฟดับให้อยู่เฉยๆ เดี๋ยวจะมีคนไปพาออกมา ผมก็คิดว่าคงไม่มาดับพอดีที่ผมมาวันนี้ แต่.... เอาเข้าจริงดับครับ มืดสนิทเลย สักพักก็ติด มีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปร้องเพลง "เก็บเศษแก้ว" ดังก้องถ้ำ ผมเลยจำประทับใจมาก ฟังทีไรให้รู้สึกบรรยากาศวันนั้นที่เงียบเหงา เพราะไปเที่ยวคนเดียวครับ
ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ เพื่อนร่วมห้องก็ชอบเพลงสาัยัณห์ เลยทำให้ผมหามาฟัง ยามเมื่อเขาย้ายไปห้องอื่น คือชุด "ขอสละรัก"
[IMG]
เพลงนี้ผมชอบ 3 เพลงแรกหน้า A Z(ขอสละรัก, หลีักทางให้เธอ, ห้ามใจไม่ให้รัก)และ 2 เพลงหลังหน้า B (วิมานบ้านนา กับ ทิ้งไร่ตามนาง)

และอีกชุด ชุด"รักแท้แพ้รถ"
[IMG]
เพลงชุดนี้ผมกลับชอบ "คนจนที่เธอเมิน" กับ "สายัณห์กำพร้า" ที่ผมว่าซึ้งไม่แพ้เพลง"ชีวิตสายัณห์" เลย ที่ประหลาดในชุดนี้ คือหน้าสอง กับเป็นเสียงของคนอื่นที่ไม่ใช่ของพี่เป้า (จากที่พิมพ์ในปกเทประบุว่าเป็นของ คุณหงษ์ฟ้า แสงฟ้า) แต่ผมชอบมากคือ เพลงโอ้ชาวนา เสียงของเขาเหมือนคุณไพรวัลย์ ลูกเพชรมาก

และที่หลายคนรู้จักคือชุด "คนอกหักพักบ้านนี้"
[IMG]
ชุดนี้ผมเฉยๆ มีเพลงเกลียดห้องเบอร์ห้าที่มีคนร้องก่อนหน้านี้หลายปี แต่คนถูกแย่งรัก กับกล่อมหอก็ไพเราะดี

แต่กับชุดนี้ "คนชายแดน" ซึ่งผมคิดว่าหลายคนคงไม่รู้จัก แต่เพราะมาก
[IMG]
ชุดนี้ผมชอบเพลง "พบเธอที่จันทบุรี" สมัยที่กำลังจีบสาวเมืองจันทร์ โน้นอยู่ ชุดนี้ฟังแ้ล้วซึ้งหลายเพลง "ขลุ่ยครางนางครวญ, คนชายแดน, ชีวิตสายัณห์(อันนี้ซ้ำกับชุดอื่น), ถึงไม่บอกก็รู้ และคนึงรัก ซึ้งจริงๆ ครับ ชุดนี้ สามารถใช้กูเกิ้ลฟังได้จากยูทูปด้วย
ชุดเพลงที่เกี่ยวกับความรักในอดีตยังมีอีกคือ ชุด"มรสุมหัวใจ"
[IMG]
ชุดนี้ผมชอบเพลง มรสุมหัวใจ เพลงเดียว แต่ชวนให้คิดถึงรักเก่าจริงๆ

กับอีกชุดที่ซึ้งๆ คือ ชุด"ไม่มีใครรักจริง"
[IMG]
ชุดนี้ หน้าปกเทปเป็นรูปพี่เป้ายืนหน้ารถเก๋งซีตรอง ไม่รู้ว่าเป็นของพี่เป้าเองหรือเปล่า นอกนั้นเป็นเพลงเก่ามาร้องใหม่ในรูปแบบเสียงแหบมหาเสน่ห์

กับอีกชุดที่เพื่อนแนะนำให้ซื้อ ชุด"สายัณห์รำเต้ย"
[IMG]
ฟังสบายๆ แต่เป็นเพลงบ้านเกิดของพี่เป้าเลย เสียงเหน่อรวมกับเสียงแหบมหาเสน่ห์ ต้นตำหรับของแท้เลย..ฮา

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายชุดที่ผมชื่นชอบ เช่น "สายัณห์ขายใจ" ที่ผมร้องได้ทุกเพลง และจำำลำดับเพลงในหน้าแรกได้เลย แต่หาปกเทปไม่ได้ เพลงดังในชุดนี้คือ "แด่คนชื่อเจี๊ยบ" ซึ่งประทับใจตรงที่มีญาติสาวๆ ชื่อเจี๊ยบมาพักปิดเทอมที่บ้านเกิดผม บังเอิญเพลงนี้ดังช่วงนั้นพอดี เพลง"ถึงเธอผู้เป็นดวงใจ" ที่ถือว่าเสียงสูงลอยฟ้าสุดๆ ใครร้องตามเป็นต้องเสียงหลง เพลง "เธอมีของดี"ที่เริ่มต้น(Intro) ด้วยเสียงกลอง ในจังหวะม้าย่อง เพลง"หลบเดือน" ซึ้งๆ และเพลงที่ผมประทับใจมากคือ "อย่าลืมตัว" ที่ทำให้นึกถึงคนรักเก่าคนแรกของผม ที่ได้ไปนั่งดูหนังกลางแปลงจอยักษ์ของ "แอ๊ด เทวดา" ด้วยกันหลายคน แต่ใจกลับนึกถึง ผมกลับนึกถึงไปนั่งกับเธอคนเดียวในชุดผ้าถุงที่คันนา ฟ้ามืด มีแสงตรงเฉพาะที่เรานั่งกันสองคน และเพลงนี้ก็ทำให้คิดถึง รถขายซาลาเปา "ตี๋ชวนชิม" ที่วิ่งผ่านหน้าบ้านผมไป ซึ่งกำลังเปิดเพลงนี้พอดี ผมยังจำภาพนั้นได้เลย แม้จะผ่านมา 30 กว่าปีแล้ว เด็กท้ายนั่งห้อยขาอยู่ท้ายรถ(เป็นรถซูบารุสีขาวขนาดเล็ก แบบรถกระป้อ) แล้วรถมันโยกขึ้นๆ ลงๆ ตามถนนไหล่ทางหน้าบ้านที่เป็นหลุมบ่อ สอดคล้องกับจังหวะเพลงเลย และอีกเพลงคือ "รักจนหลง" อันนี้ผมจำเนื้อร้องได้เลย ขอบมาก

เพลงในอดีตของพี่เป้าที่ผมถือว่าร้องได้ไม่แพ้ต้นฉบับ แม้เป็นเพลงของครูเพลงเก่าคือ "รอยรักในอารมณ์" กับ "อ่านหัวใจ" และ"หนาวลมที่เรณู" เสียงของพี่เป้า ดังก้องฟ้า เหมือนเนื้อร้องว่า "...คืนฟ้าสกาว.." บรรยากาศออกเลยครับ นอกจากนี้ยังมีเพลง "เสียงขลุ่ยเรียกนาง" ที่ผมคิดว่าไม่แพ้ "นักเพลงคนจน" เลย ตามด้วยเพลง "กระท่อมชาวไร่" ที่ฟังแล้วเห็นกระท่อมอยู่ปลายนาไกลๆ เลย

จนผมมาอยู่กรุงเทพฯ จึงได้ยินเพลง "นักเพลงคนเศร้า" ฟังครั้งแรกก็เพราะครับ อ้อ..เกือบลืม เพลง "ยืนใจลอยคอยแฟน" ที่เริ่มต้นด้วยเสียงออร์แกนแหลมยาวกลบเสียงอื่น ถ้าไม่มีเสียงนี้นำถือว่า ไม่ใช่ของแท้ดั้งเดิมครับ เพลง"จูบมัดจำ" ที่ผมเคยคิดว่าเป็นเพลงที่ร้องโดยพี่เป้าคนแรก ร้องได้อารมณ์เห็นบรรยากาศยามเช้าที่ต้องจากคนรักเลย เพลง"ผู้เสียสละ" ที่นึำกถึงบ้านญาติต่างจังหวัด เพลง"แม่กระท้อนห่อ" นึกถึงคุณแม่ผมตอนยังสาว(ไม่รู้ว่าไปนึกได้อย่างไรกัน..ฮา) และเพลงเกี่ยวกับชาติ สงครามในอดีตคือ เพลง"ทุ่งสานสะเืทือน", "สุดทางด่านซ้าย" และ "ยอมตายที่ตาพระยา" ร้องได้เหมือนผมไปอยู่ในเหตุการณ์สงครามเหล่านั้นเลย.
...........................................................................................  
                 ขอได้รับการคารวะจากหัวใจ..แด่คุณมิราชด้วย