วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

ภาพและข่าว"เมื่อคนไทยหันมาฆ่ากันเอง" สาเหตุเกิดจากอะไร..

บันทึกไว้เพื่อให้ลูกหลานรุ่นต่อไปได้ศึกษา

คนเสื้อแดง-กลุ่มพันธมิตรหนุนครูสาวหมิ่น‘เจ๊ดา’ ปะทะเดือดหน้ากองปราบ
วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 15:00 น.  ข่าวสดออนไลน์


 จากกรณี นางดารุณี กฤตบุญญาลัย หรือ “เจ๊ดา” อายุ 63 ปี ไฮโซนักธุรกิจชื่อดัง และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าแจ้งความกองปราบปราม หลังถูกหญิงสาวรายหนึ่ง มายืนด่ากลางห้างสยามพารากอน กล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน ซึ่งนางดารรุณีเชื่อว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา  ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานก่อนที่จะออกหมายเรียกตัวหญิงสาวคนดัง กล่าวให้มารับทราบข้อกล่าวหา ตามข่าวที่เสนอไปนั้น

    ส่วนความคืบหน้า เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 ก.ย. ที่ กองปราบปราม นายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง และแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อสอบถามถึงคดีที่นางดารุณี กฤตบุญญาลัย ไฮโซนักธุรกิจชื่อดัง และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แจ้งความให้ดำเนินคดีกับอดีตครูสาวโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง อายุ 31 ปี ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาให้มาพบเพื่อรับทราบข้อกล่าว หาในวันนี้ (25 กันยายน) โดยมีกลุ่มประชาชนใช้ชื่อกลุ่มคนรักในหลวง ประมาณ 200 คนเดินทางมาชุมนุมกันที่หน้าอาคารอำนวยการ

      หลังจากนายสุวัฒน์ และตัวแทนเข้าพูดคุยกับพ.ต.อ.ประสพโชค เสร็จแล้ว ทั้งหมดได้ออกมาชี้แจงกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ด้านหน้าอาคาร พร้อมกล่าวว่า ได้มาดูสำนวน ซึ่งตามจริงแล้วตำรวจนัดผู้ถูกกล่าวหาให้มาพบวันที่ 27  ก.ย. ไม่ใช่วันที่ 25 ก.ย.พวกเรารู้ทันสื่อจึงมาร่วมตัวกัน  คดีที่เกิดขึ้นตนเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีความผิด เพราะอาจารย์คนนี้ไปถามนางดารุณีว่าไปต่อว่าทำไม เป็นการถามคำถามที่ไม่ยืนยันข้อเท็จจริง ดังนั้นนางดารุณีจะตอบว่าด่าหรือไม่ด่าเพราะอะไร มีสิทธิจะตอบ ลำพังคำถามแค่นี้ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทเด็ดขาด

      นายสุวัฒน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังทราบจากสื่อด้วยว่านางดารุณีต่อว่าอาจารย์ท่านนี้ว่าบ้า คำว่าบ้าเป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า ถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา ประเด็นต่อไปเราก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดคุยอะไรกัน หากเป็นการต่อว่ากันไปมาก็เป็นการดูหมิ่นฯซึ่งหน้า ซึ่งทางกองปราบฯไม่ควรจะรับไว้ เพราะคดีลักษณะนี้ตำรวจโรงพักก็ทำได้  กองปราบฯเป็นหน่วยงานที่ทำคดีใหญ่ๆ ไม่ใช่คดีฝนตกขี้หมูไหลก็รับไว้หมด  จึงได้ปรึกษากับเจ้าหน้าที่แล้ว เพื่อให้พิจารณาว่าหากการกระทำความผิดของอาจารย์คนนี้ไม่ถึงกับเป็นคดีอาญา ก็ อย่าได้ทำคดีต่อไป

    ด้านพ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยได้นัดหมายผู้ถูกกล่าวหาให้มาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันที่ 29  ต.ค. เวลา 09.00 น. โดย นายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ จะเป็นทนายความให้กับผู้ถูกกล่าวหา หากผู้ถูกกล่าวหาจะแจ้งความกลับก็เป็นสิทธิที่สามารถดำเนินการได้ เรื่องที่จะให้ส่งคดีไปให้ตำรวจท้องที่ดำเนินการต่อหรือไม่นั้นทางผู้บังคับ บัญชา พิจารณาอีกครั้ง  แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่าทางกองปราบปรามจะดูแลได้  ซึ่งในวันที่ผู้ถูกกล่าวหาจะเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาก็คงต้องเตรียมกำลัง เข้ามาดูแล รักษาความสงบเรียบร้อยไว้ด้วย

   หลังจากชี้แจงให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบเรื่องแล้ว ทั้งหมดก็ได้แยกย้ายกันเดินทางกลับ แต่นอกจากจะมีกลุ่มติดตามมากลับนายสุวัฒน์ ที่ตามมาให้กำลังใจแล้ว  อีกด้านหนึ่งก็ยังมีกลุ่มนปช. จำนวนหนึ่ง มารวมตัวกันที่หน้าประตูทางเข้าเข้ากองปราบปรามด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและนางดารุณี 

   ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงแรกยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ  กระทั่งกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาสนับสนุน ที่อยู่ภายในเดินทางกลับออกไป  เป็นจังหวะเดียวกับที่กลุ่มนปช.จาก จ.ปทุมธานี ประมาณ 20 คน พร้อมรถเครื่องขยายเสียงที่กำลังจะเดินทางเข้ามาภายในกองปราบ  โดยมีรถกระบะติดเครื่องกระจายเสียงอีก 2 คัน  ที่ขับมาคนละด้าน คือทางโรงเรียนหอวัง และโรงเรียนสตรีวรนารถ

    จากนั้นเมื่อผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้า ก็เริ่มมีปากเสียง กระทบกระทั่ง จนเหตุบานปลาย เมื่อผู้ชุมนุมต่างหยิบขวดน้ำ หรือก้อนหินขว้างใส่กัน  ทำให้พ.ต.อ.สมชาย เกาสำราญ รอง ผบก.ป. และพ.ต.อ.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผกก.3  สั่งระดมกำลังมาเสริม  โดยให้กำลังคอมมานโดนำโล่พลาสติก เข้ามาช่วยระงับเหตุและแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน  โดยให้กลุ่มนปช. เข้าไปอยู่ในรั้วกองปราบ หลังเกิดเหตุมีน.ส.วิศรแดง ไตรสุวรรณ คนเสื้อแดง อายุ 35 ปี ชาว อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ถูกก้อนหินที่หางคิ้วซ้ายแตก  ซึ่ง น.ส.วิศรแดง ต้องการแจ้งความกับผู้ที่ทำร้าย  แต่เจ้าหน้าที่ขอให้ไปโรงพยาบาลก่อน

    ต่อมาพ.ต.อ.สมชาย ได้สั่งการให้ระดมกำลังตำรวจคอมมานโด 1 กองร้อย ออกมาควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อย  พร้อมขอให้กลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งสองฝ่ายหยุดการยั่วยุกันไปมา แต่กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาพร้อมกับนายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ที่ยังตกค้าง ต้องการจะเข้ามาในกองปราบ  เพราะทราบว่ามีการนำตัวเพื่อนที่เดินทางมาร่วมชุมนุมคือนายธัชชัย สุธีโสภณ อายุ 48 ปี ชาวกรุงเทพฯ ที่ต้องสงสัยว่ามีการพกพาอาวุธ แต่ตรวจค้นแล้วไม่พบ  ซึ่งนายธัชชัย ได้รับบาดเจ็บถูกตีที่ด้านหลังศีรษะแตกอีกด้วย จึงรีบนำตัวมาปฐมพยาบาลให้  

   ระหว่างนั้นได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงที่เห็นนายธัชชัยซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชุมนุม ฝั่งตรงข้ามเข้าก็ ตรงเข้าชี้หน้า ท้าทาย  ตำรวจต้องรีบนำตัวนายธัชชัยไปนั่งพักภายในสำนักงานเพื่อไม่ให้เผชิญหน้ากัน
   สำหรับเหตุชุลมุนดังกล่าวนอกจากจะมีผู้บาดเจ็บ ก็ยังมีรถยนต์เครื่องขยายเสียงของกลุ่มคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี  1 คันที่กระจกหน้ารถแตก  มีรถจักรยานยนต์ของกลุ่มคนเสื้อแดงบางคันได้รับความเสียหาย  ซึ่งหลังจากเกิดเหตุแล้ว ก็ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาให้การสนับสนุนผู้ถูกลกล่าวหาอีกจำนวนหนึ่งรวม ตัวกันอยู่ที่หน้าประตูทางเข้ากองปราบฯ และพยายามก่อเหตุวุ่นวาย และดันประตูที่เพื่อเข้ามาในพื้นที่กองปราบให้ได้  ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลัง ทำการผลักดันออกไป  ส่วนในกองปราบฯเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้กลุ่มคนเสื้อแดงที่เหลือตกค้างอยู่ประมาณ 30 คนให้มานั่งร่วมกลุ่มกันไว้

   ต่อมาหลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงได้มีการแจ้งข่าวออกไปว่าถูกปิดล้อมอยู่ ไม่สามารถออกจากองปราบฯได้ จากนั้นไม่นานก็เริ่มมีกลุ่มคนเสื้อแดงก็ทยอยเดินทางมารวมตัวกันที่หน้าอาคา รรสา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกองปราบฯ มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที จนทางตำรวจนครบาล และหน่วยปราบจราจลนครบาล พร้อมกำลัง 2 กองร้อย เดินทางมาถึงบริเวณกลุ่มผุ้ชุมนุม พร้อมประสานกับแกนนำกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตอาจารย์นานาชาติว่าจะจัดรถตู้มารับ ผู้ชุมนุม เพื่อให้เดินทางออกจากพื้นที่เป็นการเร่งด่วน

   หลังจากนั้นสถานการณ์กลับเริ่มระอุ เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงที่รวมตัวอยู่ที่หน้าอาคารรสา ได้พากันวิ่งข้ามฝั่ง ตรงเข้ามาทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้าม  ต่างเข้าทำร้ายกันด้วยอาวุธที่อยู่ใกล้มือ  เหตุเริ่มวุ่นวาย การจราจรบนถนนพหลโยธิน  ต้องปิดไปโดยปริยาย  หลังเกิดเหตุมีผู้รับบาดเจ็บ 2 ราย

    เมื่อทั้งสองฝ่ายเริ่มปะทะกัน  ตำรวจปราบจราจล ได้รีบเข้ามาระงับเหตุ ก่อแยกผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มออกจากกัน แต่เหตุการณ์ยังไม่ทันได้คลี่คลาย  เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่รวมตัวอยู่ใกล้ๆโรงเรียนหอวัง  บุกเข้ามาทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้ามที่กำลังรอรถตู้มารับออกจาก พื้นที่อยู่ที่หน้า ศูนย์รถยนต์ฮอนด้า  ทำให้มีคนเจ็บเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย  ทางตำรวจต้องรีบห้ามฝ่ายเสื้อแดงออกไป แล้วรีบนำรถกระบะและรถตู้มาเพิ่มเพื่อนำกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตอาจารย์ นานาชาติออกจากพื้นที่ไปจนหมด

   ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงที่รวมตัวกันอยู่ฝั่งข้ามซึ่งมีจำนวนมากเป็นหลักหลาย ร้อยคนนั้นตำรวจต้องกันให้อยู่รวมกันที่หน้าอาคารรสา จากนั้นตำรวจ บก.ป.ได้นำกลุ่มคนเสื้อแดงที่ติดอยู่ภายในกองปราบ ออกมาสมทบจากนั้นได้ขอความร่วมมือให้แยกย้ายกันกลับไปทำให้สถานการณ์ทั้งหมด คลี่คลายลงไปได้

   รายงานข่าวแจ้งอีกว่าขณะเกิดเหตุมีผู้สื่อข่าวคนหนึ่งถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยระหว่างที่เกิดการชุลมุนของกลุ่มคนทั้งสองกลุ่ม โดยผู้สื่อข่าวรายนี้พยายามหนีออกห่างจากจุดที่เกิดการปะทะกันแล้วแต่ ปรากฎว่ามีชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงได้ปรี่เข้าหาแล้วถามว่าเป็น พวกเสื้อเหลืองใช่หรือไม่  แต่ยังไม่ทันตอบชายคนดังกล่าวก็ตรงเข้าล็อคคอแล้ว ต่อยเข้าที่ศีรษะหนึ่งครั้งโดยไม่ฟังเสียง  กระทั่งตะโกนบอกว่าเป็นผู้สื่อข่าว ชายคนดังกล่าวก็รีบขอโทษแล้ววิ่งหนีไปทันที








"พันธมิตร" โชว์ถ่อย "ทุบรถ-ทุ่มก้อนอิฐบล็อคใส่แดงเลือดอาบ-พกอาวุธปืนเถื่อน"

เปิดภาพเด็ด "สลิ่มพันธมิตรถ่อย" นับร้อยเข้ารุมชายเสื้อแดง 4 คน หน้ากองปราบฯ

ฝีมือ สลิ่ม บ้าคลั่ง ทุบรถของเสื้อแดงที่หน้ากองปราบ

กลุ่มเสื้อเหลือง-แดงปะทะกันหน้ากองปราบ

กลุ่มเสื้อเหลือง-แดงปะทะกันหน้ากองปราบ

เจ้าทุกข์อธิบาย

เมื่อคนไทนหันมา..ฆ่ากันเอง



กรุงเทพฯ 25 ก.ย.55 เกิดเหตุทำร้ายกันระหว่างกลุ่มคนเสื้อเหลืองกับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มาติดตามคดีอดีตครูโรงเรียนนานาชาติ ถูกนางดารุณี กฤตบุญญาลัย แนวร่วม นปช. แจ้งเอาผิดฐานหมิ่นประมาท กรณีถูกตะโกนต่อว่ากลางห้างดังในกรุงเทพฯ

นี่เป็นภาพเหตุการณ์ในช่วงที่กลุ่มแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่เดินทางมาให้กำลังใจ นางสาวมนัสนันท์ หนูคำ อดีตครูโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ที่ถูกนางดารุณี กฤตบุญญาลัย แนวร่วม นปช. แจ้งความตำรวจกองปราบ ให้เอาผิดฐานหมิ่นประมาท จากกรณีถูกตะโกนด่าทอกลางห้างสรรพสินค้าดัง ว่าจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง กำลังทยอยเดินทางออกจากกองปราบปราม เพราะนางสาวมนัสนันท์ ขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวน ไปเป็นวันที่ 29 ตุลาคมนี้

โดยขณะเดินทางกลับได้พบกับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มารอติดตามความเคลื่อนไหวของคดี อยู่ที่ประตูทางเข้า-ออกของกองปราบ ทำให้มีการตะโกนด่าทอกันไป-มา ก่อนที่กลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่มีจำนวนมากกว่า จะกรูเข้าทุบรถเครื่องขยายเสียงของคนเสื้อแดง ทำให้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถ ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และเกิดการกระทบกระทั่งลงไม้ลงมือกันตามมา กระทั่งกำลังตำรวจคอมมานโดของกองปราบปราม ต้องเข้ามาระงับเหตุ และควบคุมสถานการณ์ก่อนที่ผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มจะแยกย้ายกันกลับไป.-สำนักข่าวไทย

http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/417325.html

ข่าวที่มา